เส้นบางๆ ของคำว่า “รัก” และ “หลง”

“รัก” และ “หลง” คำสองคำที่มักทำให้คนเราแยกกันไม่ออกว่าพฤติกรรมหรือการกระทำแบบไหนถึงเข้าข่ายคำสองคำนี้

เพราะคำว่า “รัก” ดูจะยิ่งใหญ่และมีความหมายที่ดีห่างไกลจากคำว่า “หลง” มากนัก แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับว่าเราอยู่ในอารมณ์ไหนมากกว่ากัน ถ้าไม่อยาก “หลง” คนที่คุณเรียกว่าคนรักนั้น ลองมาสำรวจหรือเปิดใจกันดูว่าคุณอยู่ในอาการไหนกันแน่ระหว่างคำสองคำนี้

รู้จักฟังเสียงคนรอบข้าง
เรื่องของความรักโดยปรกติแล้วเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะร่วมสร้างความรู้สึกดีๆ ไปด้วยกัน แต่เนื่องจากวัฒนธรรมและประเพณีในบ้านเรา ยังส่งผลต่อความรักในคู่รักบางคู่ นั่นก็คือคนในครอบครัวรวมถึงเพื่อนฝูงรอบข้างก็ดูจะมีผลต่อความรักของคุณเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้หวังดีประสงค์ร้าย ผู้หวังร้ายประสงค์ดี หรือคนรอบๆ ตัวที่รักและห่วงใยคุณจริงๆ ข้อมูลหรือข่าวสารที่ได้รับมา คุณควรรู้จักกลั่นกรองโดยแยกประเภทเป็นผู้หวังดีและผู้หวังร้าย เพราะบรรดาคนที่หวังร้ายเขาเพียงแค่อยากเห็นคุณเลิกหรือมีปัญหากันเท่านั้น ถ้าคุณได้รับข่าวสารจากคนกลุ่มนี้คุณควรจะหนักแน่นในความรักของคุณมากกว่าจะหวั่นไหวไปตามลมปากของคนเหล่านี้ ส่วนคนที่รักและหวังดี จุดประสงค์ของเรื่องที่นำมาเล่าหรือบอกคุณนั้นเพราะไม่อยากให้คุณโดนหลอกนั่นเอง คุณไม่ควรจะมีทิฐิ ไม่ฟังเสียงคนเหล่านี้เลย เพราะมันจะเป็นสาเหตุให้คุณต้องเสียคนดีๆ เหล่านี้ไป ถึงคุณจะยังไม่อยากเชื่อเต็มร้อย อย่างน้อยก็ควรจะรู้จักฟังหูไว้หู แต่ถ้าคุณรู้เรื่องอยู่แล้วเต็มอก คงถึงเวลาเลิกหลอกตัวเองได้แล้ว ถ้าคุณยังดื้อด้านต่อไปก็เพราะว่าคุณกำลัง “หลง” เขาอยู่นั่นเอง

รักแล้วพากันไปในทางที่ดีรึเปล่า
คนรักกันควรจะนำพากันไปส่ทางที่ดี กว่าคุณจะโตมาจนป่านนี้เรื่องธรรมดาพื้นฐานของความผิดชอบชั่วดีคงไม่ต้องบรรยายให้ฟังกันว่าสิ่งไหนคือสิ่งดี สิ่งไหนคือสิ่งไม่ดี ถ้าคนรักของคุณชวนให้คุณลองใช้ยาเสพติด เล่นการพนัน ทำงานผิดกฎหมาย โดยบุคคลประเภทนี้มักอ้างถึงความรักว่าถ้าคุณไม่ทำตามที่เขาบอกถือว่าคุณไม่รักเขา โดยในความเป็นจริงแล้วถ้าคุณยอมทำตามก็หมายความว่าคุณกำลัง “หลง” เขามากกว่า “รัก” เพราะถ้าคุณรักเขาจริงๆ แล้วคุณควรจะห้ามหรือจะหยุดและดึงเขามาสู่ทางที่ดีมากกว่าจะยอมทำตามแล้วสุดท้ายชีวิตคุณก็พังกันทั้งคู่

รู้จักเปรียบเทียบความสุขและความทุกข์
เวลาคนเรามีปัญหากับคนรักมักจะหาข้ออ้างสารพัดมาเป็นข้อแม้ในการที่จะยืดเวลาต่อไป ทั้งๆ ที่ถ้าวัดกันด้วยเรื่องความสุขและความทุกข์แล้วยังคงดูห่างไกลกันมาก บางคนบอกว่าที่ทนอยู่ก็เพราะ “รัก” อีกฝ่าย ถ้าคนรักของคุณเป็นคนดี เขาก็คงไม่ปล่อยให้คุณต้องมานั่งเป็นทุกข์หรอกครับ หรืออย่างน้อยคุณก็ควรจะมีความสุขมากกว่าความทุกข์ เช่น เขาเป็นคนจนไม่มีฐานะ คุณอยู่กับเขาแล้วไม่สบายมากนัก แต่เขาซื่อสัตย์ รักและดูแลคุณอย่างดี กับ เขาที่รวย คุณได้อยู่ดีกินดี แต่เขาเจ้าชู้ไม่เคยให้เกียรติคุณ ชอบทำร้ายร่างกาย มีแต่เรื่องให้คุณต้องเจ็บช้ำน้ำใจอยู่ทุกวี่วัน หรือในกรณีที่เขาทั้งจนแล้วยังเลว หรือว่ารวยแล้วดี การวัดค่าความสุขและความทุกข์คงจะไม่ยากเกินไป เพราะชีวิตคนเราคงมีทั้งสุขและทุกข์ปนๆ กันไป แต่เรื่องของความรักคุณควรพิจารณาให้ดีว่า คุณกำลัง “รัก” หรือ “หลง” เขากันแน่

ฟังความรู้สึกตัวเองด้วยเหตุและผล
เวลาคนเรามีความรักมักจะลืมเรื่องของเหตุผลกันเป็นปรกติ จากหัวข้อที่กล่าวมาทั้งหมด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการฟังความรู้สึกตัวเอง เมื่อใดที่คุณเริ่มใช้คำว่า “ทน” กับความรักของคุณแล้ว แปลว่าคนที่คุณเรียกว่า “คนรัก” เขาอาจไม่ได้รักคุณเท่ากับที่คุณรักเขาแล้วก็เป็นได้ ต่อให้คุณรู้อยู่เต็มอกแล้วก็ตามว่าคุณ “หลง” เขามากกว่า “รัก” แต่คุณไม่สามารถแยกแยะยับยั้งความรู้สึกหรือความคิดของตนได้ ไม่ต้องห่วงครับ เพราะคำว่า “หลง” เป็นเพียงอารมณ์ที่ครอบงำคุณอยู่ ณ ตอนนั้น เมื่อวันนึงที่คุณเริ่มรู้สึก “รัก” ตัวเองขึ้นมาเมื่อไร เมื่อนั้นคุณจะมีเหตุผลมากขึ้น แล้วคุณก็จะได้คำตอบเองล่ะครับ

คนบางคนอ้างคำว่า “รัก” ในการที่จะทนเพื่อคนที่เราเรียกเขาว่า “คนรัก” ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว อาจจะเป็นแค่การ “หลง” ในบางสิ่งบางอย่างที่เขามี ซึ่งสิ่งๆ นั้นพอดีมาเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปของชีวิตคุณ คนรักกันเวลาอยู่ด้วยกันแล้วต้องส่งเสริมให้กันและกันมีความสุข ถึงเวลาที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทุกข์ก็จะพยายามช่วยเหลือหรืออย่างน้อยก็อยู่เคียงข้างเพื่อเป็นกำลังใจให้ ถ้าคนรักของคุณไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ให้คุณเลย แต่คุณยังคงเทิดทูนเขาอยู่เสมอแปลว่าคุณ “หลง” เขามากกว่า “รัก” ครับ