ความจริงที่อยากให้ผู้หญิงได้อ่าน

ความจริงที่อยากให้ผู้หญิงได้อ่าน


คำว่า "แต่งงาน"

ใน ฐานะผู้ชายดีๆ ที่หายากคนหนึ่งผมรู้สึกเห็นใจสตรีเพศจริงๆครับ ช่วงเวลาในการเลือกคู่ของเธอทั้งหลายช่างสั้นยิ่งนัก เพราะช่วงอายุขัยของวัยสาวเริ่มผลิบานเมื่อประมาณ 13 ปี แล้วมาสุดเขตแดนเมื่อวัยสามสิบ   วันเกิดครบรอบ 30   จึงเป็นตัวเลขแห่งความสะเทือนขวัญก่อให้เกิดความตื่นตระหนก …

หลาย คนไม่อยากพูดถึง    คนอื่นก็ไม่ควรเอ่ยปากด้วย …ถือเป็นมารยาทสังคมอย่าหนึ่ง ยกเว้นพวกมีวาจาเป็นอาวุธที่ชอบถามว่า "ปาอะไรเอ่ยที่ผู้หญิงกลัวที่สุด"  เฉลย " ปาเข้าไปสามสิบยังไม่มีผัว " …ใครดันถามมันผู้นั้นสมควรตาย

ตอนเรียนหนังสือเป็นนักเรียนนักศึกษา คุณพ่อคุณแม่ก็สอนนักสอนหนาว่า "อย่าริรักในวัยเรียน"  " ตั้งใจเรียนหนังสือให้ดีจบแล้วค่อยมีแฟน "ทั้งๆ ที่ไอ้ตอนเรียนหนังสือมีโอกาสพบปะเพศตรงข้ามมากหน้าหลายตามก็หาได้สนใจไม่ เป็นคนประเภท " รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียน " ทุ่มเทชีวิตให้แก่การศึกษา … เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชาเป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน

หลังจบ การศึกษา ประกอบสัมมาอาชีวะ ขณะเดียวกันก็ใช้เวลาว่าง " เลือกสรร - ควานหา"   ผู้จะมาเป็นเจ้าบ่าวในอนาคต ตั้งสเปกว่าต้องได้แฟนหนุ่มประเภทซูเปอร์เพอร์เฟคอย่างวิลลี่ แมคอินทอชหรือจอห์นนี่ แอนโฟเน่ หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องมาดแมนแฮนซั่ม  หล่อล่ำดำขรึม ถึงจะได้มาตรฐาน … ไอ้ประเภทหุ่นอัฟริกา  หน้าติมอร์ อย่าได้สะเออะหน้ามาให้เห็นเชียวน่ะ … ไม่มีทางได้แอ้มหรอกซะหรอก
 
จาก วันเป็นเดือน -จากเดือนเป็นปี ความรักไม่มีวี่แววคืบหน้าแม้วันเวลา ผ่านไป …  เพราะที่ทำงานทั้งห้องมีผู้ชายอยู่แค่ 5 คน -  เจ้านายก็มีเมียแล้ว …  ไม่อยากตกเป็นภรรยาบุญธรรม    สองคนดันเป็นเกย์ ....  อีกคนยังลังเลอยู่ว่าจะเป็นดีหรือเปล่า …คนสุดท้ายเป็นชายแท้แต่กำลังถูกแย่งตัวระหว่างเกย์สองคนอยู่ไม่อยากเข้าไป เป็นมือที่สาม

นั่งรถมาทำงาน ก็สองชั่วโมงครึ่งกลับอีกสองชั่วโมงสี่สิบนาที กลับถึงบ้าน หมดสิ้นกำลัง ขอนอนเอาแรงก่อน.........

ขณะ ที่งีบหลับอย่างสนิท ภาพในความฝันที่เธอเห็นคือสถาบันการศึกษาที่เธอจมา .... แหล่งที่มีเพศตรงข้ามชุกชุม เธอหวนรำลึกนึกถึงผู้ชายดีๆ ที่เขาเคยอุตส่าห์มาเฝ้าตามจีบ ตามง้อตามตื้อแล้วเราเล่นตัวจนเคยตัว...ในที่สุดผลประโยชน์ตกอยู่ที่เพื่อน สนิทเป็นที่เรียบร้อย ...แหม ! ไม่น่าเลย ยิ่งคิดยิ่งเสียดายจริงจริ๊ง … ตื่นพอดี

เจอโลกแห่งความจริง ดำเนินชีวิตไปแต่ละวัน ยิ่งเข้าหน้าหนาวซองสีชมพูกลิ่นหอมๆ จากเพื่อนๆ  เริ่มทยอยมาตามหลังซองกฐินซองผ้าป่าที่เพิ่งหมดฤดูกาลไป …  พอไปในงานดันเจอคำถามสะกิดใจอีกว่า
         

" เมื่อไรจะถึงคิวแจกการ์ดของตัวบ้างล่ะ"...


" โถ!    การ์ดแต่งงานน่ะพิมพ์เสร็จแล้วเหลือแต่ชื่อเจ้าบ่าวที่ยังไม่ได้เลือกว่าจะ เป็นใครเพราะครั้งนี้เขาเปลี่ยนระบบเลือกตั้งใหม่ ยังงงๆ  เรื่องปาร์ตี้ลิสต์อยู่

เอ๊ะ … เกี่ยวอะไรกัน! … ในใจก็คิดว่า "  ก็ฉันอยู่เป็นโสดนี่มันไม่ดียังไง  หนักกระบาลใครรึเปล่า"

เคยตั้งคำถามกันไหม … ว่าทำไมต้องแต่งงาน (กันด้วย!) …คำตอบจากเพื่อนๆ ที่แต่งงานแล้วหรืออยากจะแต่งงานอาจมีหลากหลาย

" อยู่คนเดียวมันว้าเหว่    อยากมีใครสักคนไว้แก้เหงา " …
รายนี้เห็นผู้ชาย    เป็นตัวคลายเหงา

" รายได้ไม่พอใช้ หาคนช่วย   ( หาเงิน) " …
ผมกลัวมาช่วยผลาญเงินมากกว่า


" อยากมีลูก    ก็ต้องหาพ่อก่อนสิ " …
เกิดได้ลูกแล้วจะทิ้งพ่อรึเปล่าเนีย


" โรงงานพร้อมแล้ว    ขาดผู้ประกอบการ" …
เจ้าของคำตอบกำลังหาผู้ร่วมลงทุนฯลฯ


อันว่า " ชีวิตคู่ "  อยู่ไปเพื่อสิ่งใดกัน

"ชีวิตคู่"  คือ   การเติมเต็มซึ่งกันและกัน

ดัง นั้นเมื่อมีชีวิตสมรสแล้ว  ครึ่งหนึ่งของชีวิตเราจะหายไปในส่วนที่ขาดจะมีครึ่งชีวิตของอีกฝ่ายมาเติม แต่งแห่งพื้นที่ว่างนั้นขณะที่ครึ่งชีวิตของเราที่หาย ก็มิได้สูญสลายไปไหน  มันก็ไปเติมที่ว่างของคู่เรานั่นเอง

จุดมุ่งหมายของการแต่งงานคือ การใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขมากขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้นเมื่อเป็นสามีภรรยา แล้วต้องมีควาสุขมากกว่าตอนอยู่คนเดียว ถ้าตอนอยู่ด้วยกันแล้วมีแต่ความทุกข์ ความเจ็บปวดทุกข์ทรมากก็ไม่รู้ว่า จะแต่งงานไปหาพระแสงดาบคาบค่ายที่ไหน …อยู่คนเดียวมันส์กว่า

ชีวิต คู่ต้องเกื้อกูลกันและกัน ความก้าวหน้าของสามีภรรยาต้องมีส่วน  อย่างน้อยก็ปลอบใจในยามที่สามีเครียดจากการงานชีวิตภรรยาถ้าไม่คิดเอาดี ในทางโลกก็เจริญในทางธรรม

กำลังใจต้องได้จากสามีเช่นกัน อย่างน้อยก็อย่าหาทุกข์มาสุมเพิ่ม .. ถ้าคู่รักของเราประกอบมิจฉาอาชีวะ ติดเหล้า เล่นการพนันโกงบ้านกินเมืองชีวิตอีกฝ่ายก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น (หนูเห็นด้วยค่ะ)

เพราะฉะนั้นเวลาเลือกแฟนแทนที่จะให้ความสำคัญกับ เรื่องรูปร่างหน้าตา  ฐานะการเงินยี่ห้อรถเก๋งที่ใช้อยู่ ฯลฯ เปลี่ยนเป็นเงื่อน ไขแค่สองข้อที่จำแสนง่าย คือ
               

หนึ่ง -   สุขใจยามอยู่ใกล้ชิด
สอง  -   คู่ช่วยคิดชีวิตก้าวหน้า


เพราะ ชีวิตคู่คือการเติมเต็มชีวิตแก่กันและกัน หาใช่เป้าหมายเพื่อการเสริม เพิ่มความเสียว(555++) เพราะอยู่คนเดียวก็เสียวได้(จริงค่ะ!) ไม่ง้อใครให้เสียเวลาไม่เสียชาติเกิดหรอกครับ  ถ้าคุณจะใช้ชีวิตเป็นโสด  ถือคติประจำใจว่า

"อยู่เป็นโสด ดีกว่ามีผัวเลว"


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์