
"อยู่ดี ๆ รู้สึกแสบตา ปวดหัว ปวดร้าวที่ไหล่ ไปจนถึงข้อมือ หรือแม้แต่ผิวหน้าคล้ำขึ้น ไปจนถึงเป็นหวัดคัดจมูก ผื่นผิวหนัง และหมดสติได้" โรคเหล่านี้อาจไม่ร้ายแรง แต่ให้ความรู้สึกรำคาญไม่สบายตัวแบบนี้กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามความฮอตฮิตของกระแสคอมพิวเตอรฺและอินเทอร์เน็ต ที่นับวันยิ่งดึงดูดให้คนมี "ชีวิตติดจอ" มากและนานยิ่งขึ้น ซึ่งหากไม่ระวังโรครำคาญเหล่านี้อาจกลายเป็นโรคบั่นทอน จนทำให้ต้องเสียเวลาและเงินทองมากมายจนไม่รู้ตัว ในสังคมไทยเวลานี้ โดยเฉพาะโลกของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ หากมองไปรอบ ๆ ตัวคุณจะเห็นว่าเพื่อนหลายคน นอกจากมีภาระหน้าที่ต้องทำงานกับหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างน้อยใช้เวลาวันละ 8 ชั่วโมงแล้ว หลายคนยังมีโลกส่วนตัวกับคอมพิวเตอร์ในสังคมออนไลน์ อย่างที่เรามักได้ยินบทสนทนาของเพื่อน เช่น "ตื่นมาขอเข้าไปดูว่าเพื่อนโพสรูปอะไร จะได้เม้นท์ หรือเข้าไปเก็บผัก ขโมยผักเพื่อน แต่งบ้าน ทำร้านอาหารก่อนดีกว่า" เป็นพฤติกรรมของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่ "ออนไลน์เล่นเกม และคุยกับเพื่อน" ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือ social networking กันมากขึ้น จนหลายคนอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวันทั้งคืน หรือถึงขั้นหลับคาจอก็เกิดขึ้นมาแล้วกับหลายคน คนไทยในวัยทำงานเฉลี่ยอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมเมื่อ 4-5 ปีก่อนใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมง เท่านั้น แต่ปัจจุบันเฉลี่ยสูงขึ้นเป็น 8-10 ชั่วโมง สิ่งที่น่าสนใจคือเกือบครึ่งหนึ่งของการใช้งาน หมดไปกับการเล่นเกม การแชทออนไลน์ และล่าสุดกับการเข้าเครือข่ายสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น facebook หรือ hi5 เว็บที่ให้ทุกคนทั่วไปเปิดโพสต์รูปแสดงความเห็นกันอย่างสะดวก และล่าสุดกับ twitter ที่เปิดให้ทุกคนเข้าไปเขียนข้อความสั้น ๆ ไม่เกิน 140 ตัวอักษร ว่าทำอะไร อยู่ที่ไหน คิดอะไรอยู่ จนกลายเป็นกิจกรรมที่ทำให้หลายคนมีความสุข คลายเหงา และมีเพื่อนมากขึ้น แต่ข้อดีมักมีข้อเสียตามมา เพราะการนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ แบบไม่ระวังอาจกระหน่ำซ้ำเดิมให้ร่ายกายเจ็บป่วยขึ้นมาได้ นพ. ศักดา อาจองค์ อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ถ่ายทอดให้เห็นภาพของอาการป่วยต่าง ๆ ไว้ดังนี้ ดวงตาที่น่าสงสาร 1. ตาแห้ง จากความชุ่มชื้นนัยน์ตาหายไป เพราะโดยธรรมชาติของคนเราจะกระพริบตาบ่อย ๆ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของตา หลังจากเกิดความเจ็บป่วยเหล่านี้แล้ว ก็คือรักษาตามอาการ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายตามมามากมาย ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ นพ. ศักดาแนะนำคือ วิธีการป้องกัน ที่ง่ายที่สุดคือการไม่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป การกระพริบตาเพื่อรักษาความชุ่มชื้น โดยระพึงเสมอว่า ความเพลิดเพลินที่หน้าจออินเทอร์เน็ตของเว็บต่าง ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนเราไม่เบื่อ และเกิดความเพลิดเพลิน เราต้องไม่ลืมตัวจนจ้องหน้าจนนานจนเกินไป คลื่นแรง อันตรายก็มา นอกจากนี้ยังมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ่้าที่แพทย์แนะนำว่าผู้ที่ติดตั้งท้องในช่วง 3 เดือนแรกควรหลีกเลี่ยงการอยู่หน้าคอมพิวเตออร์นาน ๆ เพราะอาจส่งผลต่อเด็กในครรภ์ให้เติบโตผิดปกติ แม้จะยังไม่มีผลพิสูจน์แต่ป้องกันไว้ก่อนจะดีกว่า ปวดตั้งแต่หัว ไปถึงนิ้วมือ นั่งนานอาจหมดสติ คอมเราเองก็แพร่เชื้อได้ สาเหตุมาจากเมื่อคอมพิวเตอร์ทำงาน จะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้ดูดฝุ่นละอองมาเกาะจำนวนมาก หลักการทำงานคล้ายกับเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งหากเราจะสังเกตดูจะพบว่าหลังจอคอมพิวเตอร์หรือทีวี มักมีฝุ่นตกอยู่จำนวนมาก นั่นเพราะแรงของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ดูดฝุ่นตกลงมา หากสะสมไปนาน ๆ ผลก็คือทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ฝุ่นได้ในที่สุด อย่างที่ว่าแม้คอมพิวเตอร์จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลกวิทยาการ ทำให้ชีวิตมนุษย์สะดวกสบายมากขึ้นทั้งในแง่ของการทำงานและชีวิตประจำวัน แต่หากเราไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง และปล่อยให้เทคโนโลยีครอบงำ จนกลายเป็นทาสคอมพิวเตอร์แล้ว ผลสุดท้ายก็จะเป็นดังเช่นตัวอย่างของอาหารเจ็บป่วยที่ร่างกายของเราเองต้องรับผล ซึ่งมาจากการกระทำของเรานั่นเอง ทั้งๆ ที่ทั้งหมดนี้สามารถป้องกันได้ อย่าลืมว่าเด็ก ๆ คือเยาวชนของชาติ และคนที่จะสร้างเยาวชนให้เติบโตอย่างมีคุนภาพได้นั้นคือพ่อแม่ทุกคนนั้นเอง เพราะฉะนั้นคอมพิวเตอร์ควรเป็นเพียงอุปกรณ์เสริมความรู้ให้ลูกหลานของเรามากกว่า มาเป็นเพื่อนหรือผู้ปกครองแทนเรากันดีกว่า
ลองสังเกตตัวเองกันดูว่าขณะที่ดูคอมพิวเตอร์ ท่องเน็ตอย่างเมามันส์ หน้าจอต่าง ๆ เปลี่ยนไปตามนิ้วที่คลิกเมาส์ผ่านไปแล้วสิบหน้าจนถึงร้อยหน้า แต่ตาเรากระพริบไปแล้วแค่กี่ที..... หลายคนเข้าข่ายจ้องจนลืมกระพริบ สวนทางกลับความต้องการของร่างกาย ที่ต้องพระพริบตาบ่อย ๆ เพื่อนรักษาความชุ่มชื้นของนัยน์ตา พฤติกรรมนี้ทำให้เกิดอาการที่แบ่งได้คร่าว ๆ คือ
2. ตาอักเสบ
3. ตาเสื่อม ซึ่งเหมือนกับส่วนอื่น ๆ ของร่างกายที่เสื่อมลงเพราะความเหน็ดเหนื่อยมานาน
4. เกิดรอยคล้ำรอบดวงตา มีรอยบวมเห็นเป็นถุงใต้ตา
5. ความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อตา ปวดกระบอกตา และปวดศีรษะตามมาในที่สุด
รังสีและคลื่นจากจอคอมพิวเตอร์แม้จะอยูในระดับที่ปลอดภัย แต่ถ้าใช้งานจนเกินไป อาจส่งผลอันตรายต่อสุขภาพได้ หลายคนคงสังเกตได้ด้วยตัวเองจากผลกระทบเฉพาะหน้า คือหลายคนหน้าแดง คล้ำขึ้นหลังจากอยู่หน้าจอนาน ๆ ถึงขั้นมีการแนะนำกันว่าควรทาครีมกันแดดก่อนอยู่หน้าจอเสียด้วยซ้ำ เพื่อป้องกันแสงจากจอมีรังสีอัลตราไวโอเลตออกมากระทบผู้ใช้งานโดยตรง
ท่านั่งไม่ถูกต้อง เช่น จอต่ำหรือสูงเกินไป แป้นพิมพ์วางไม่สมดุล ระยะของจอกับระดับสายตาไม่เหมาะสม ผลก็คือทำให้ปวดตั้งแต่กล้ามเนื้อคอ ปวดแขน จนมาถึงข้อมือและนิ้วมือ เพราะเอ็นที่ยึดส่วนต่าง ๆ ของมือทำงานหนัก จนทำให้เกิดความเมื่อยล้า และเจ็บปวด วิธีการแก้ปัญหาคือการพักการใช้มือ ส่วนใหญ่พบว่าเมื่อหยุดการใช้งานอาการจะดีขึ้น หากมีอาการหนักขึ้น คือต้องผ่าตัดข้อมือ
การนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานต่อเนื่องยาวนาน อาจทำหมดสติได้ เพราะโรคลิ่มเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ คล้าย ๆ กับอาการของคนที่นั่งเครื่องบินนาน ๆ ในชั้นประหยัด ที่เคยได้ยินกันว่าเป็นโรค economy class syndrome เช่น มีกรณีที่เกิดขึ้นกับหนุ่มวัย 32 ปี ที่อยู่หน้าจอนานถึงวันละ 18 ชั่วโมง เกิดอาการโคม่า เพราะอาการเลือดจับตัวเป็นก้อน ที่บริเวณขา ก่อนแตกกระจายเดินทางไปยังปอดทั้งสองข้าง และส่งผลมายังหัวใจ แม้จะยังไม่ได้พิสูจน์ว่าโคม่าเพราะสาเหตนี้หรือไม่ แต่ก็เป็นอันตรายที่ต้องระวัง โดยให้สังเกตอาการเริ่มต้นจากขาที่เริ่มบวมก่อน ส่วนกลุ่มเสี่ยงคือผู้ที่มีอาการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ผู้ที่อายุมาก และอ้วน
หลายคนอาจคิดว่าการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่บ้าน คงไม่เกิดโรคภัยติดต่อทางร่างกายได้ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้คอมพิวเตอร์ของสาธารณะ หรืออินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ที่กลุ่มนั้นมักได้รับการติดต่อจากโรคตั้งแต่หวัดจนถึงผิวหนังเชื้อรา แต่ความจริงแล้ว คนที่ใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้าน หลายคนเป็นภูมิแพ้โดยไม่รู้ตัว เพราะฝุ่นที่จับอยู่บริเวณเครื่้องจำนวนมาก
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday