สาเหตุที่วัดร้าง
มีอยู่วันหนึ่ง พระสงฆ์สามรูปมาพบกันโดยบังเอิญที่วัดร้างแห่งหนึ่ง
“ ทำไมวัดนี้จึงสร้างได้?” ไม่รู้ว่าพระภิกษุรูปใดเริ่มต้นการสนทนา “จะต้องเป็นเพราะว่าพระสงฆ์ไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนนั่นเอง! ดังนั้น พระโพธิสัตว์จึงไม่ศักคิ์สิทธิ์ ” พระภิกษุ ก กล่าวขึ้น “จะต้องเป็นเพราะว่าพระสงฆ์ไม่ขยันแน่นอน! ดังนั้น จึงขี้เกียจบูรณะวัด” พระภิกษุ ข กล่าวตาม “จะต้องเป็นเพราะว่าพระสงฆ์ศรัทธาไม่พอ ดังนั้น ผู้ที่มาถวายธูปจึงไม่มาก” พระภิกษุ ค กล่าว
เถียงกันไปเถียงกันมา จึงตกลงกันว่าต่างจะทำตามวิธีของตน ดูว่าเหตุผลของใครจะถูกต้อง
พระภิกษุ ก ศรัทธาอ่อนน้อมในการกราบไหว้พระ
พระภิกษุ ข ปรับปรุงบูรณะสภาพวัดใหม่
พระภิกษุ ค ออกบิณฑบาต บอกบุญ ไม่นานต่อมาจากวัดร้างก็กลับมาเป็นวัดที่คึกคักด้วยผู้คนอีกครั้ง
“เพราะว่าอาตมาศรัทธาอ่อนน้อมในการกราบไหว้พระสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงเมตตา”พระภิกษุ ก กล่าว
“เพราะอาตมาต่างหากที่ขยันขันแข็งในการบูรณะวัด วัดจึงได้งามสง่าได้เพียงนี้”พระภิกษุ ข กล่าวตาม
“เพราะอาตมาออกไปบิณฑบาตบอกบุญต่างหากญาติโยมจึงได้มากถึงขนาดนี้” พระภิกษุ ค ก็ไม่ยอมแพ้
จากนั้นเป็นต้นมาพระภิกษุทั้งสามก็เอาแต่ถกเถียงกัน
ละเลยหน้าที่ที่ตนได้ปฏิบัติเป็นกิจวัตร สุดท้ายวัดก็กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ในวันที่ต่างแยกย้าย ภิกษุทั้งสามก็ได้รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงว่า “ เหตุใดวัดจึงร้าง! ”
เหตุที่วัดนี้ร้างนั้น
มิใช่เพราะพระสงฆ์ไม่นอบน้อมไม่ใช่เพราะพระสงฆ์ไม่ขยัน และก็ไม่ใช่พระสงฆ์ไม่ศรัทธาแต่เป็นเพราะพระสงฆ์ไม่สมานฉันท์ต่างหาก!
ท่านเหลาจื่อกล่าวว่า
“ไม่เคารพในปราชญ์ ผู้คนหรือจะไม่แก่งแย่ง”แก่งแย่งมาจากไหน? ก็เพราะ ลาภยศ 2 คำนี้ ด้วยเหตุนี้ เพื่อนจึงหมางเมิน พี่น้องรบรา พ่อลูกขาดสัมพันธ์ ที่สุดสิ่งที่ตอบแทนก็คือ ความล้มเหลวบ้านแตกสาแหรกขาด เหตุใดคุณธรรมจึงตกต่ำคุณธรรมภายในจึงด้อย เหตุเพราะเน้นที่ “ผลประโยชน์” เพราะผลประโยชน์ ปัญญาจึงสูญหาย! หากไม่เบาบางในเรื่องลาภยศมีหรือการเกิดตายหรือจะไปพ้น ทุกท่านว่าจริงหรือไม่?
พระโอวาทพระอาจารย์จี้กง
บำเพ็ญธรรม
แม้นมีความกลมกลืนในจิตใจ ก็จะไม่มีอาตมาลักษณะ ปุคคลลักษณะ ความกลมกลืนก่อเกิดความสามัคคีความสามัคคีก่อเกิดน้ำหนึ่งใจเดียวกันเช่นนี้ก็จะเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน
สังคมธรรมะออนไลน์