สวยด้วยโคลนพอกผิว
กล่าวกันว่า โคลนเป็นวัตถุดิบความงามที่นิยมใช้มายาวนานตั้งแต่สมัยพระนางคลีโอพัตรา แต่มีหลักฐานการนำมาใช้เพื่อความงามครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1338 ในประเทศเช็กโกสโลวาเกีย
โดยนำมาพอกตัวเพื่อรักษาโรคผิวหนังและบำรุงผิว สำหรับโคลนพอกผิวที่นิยมใช้กันจนถึงปัจจุบันนี้จัดอยู่ในประเภทของเครื่องสำอางจากดิน (Mud mask) ที่มีปริมาณของแข็งสูง ปัจจุบันหาซื้อได้ทั้งในรูปผงที่ต้องผสมน้ำหรือโยเกิร์ตก่อนใช้ หรือแบบที่ผสมน้ำพร้อมใช้ได้ทันที
โคลนที่นำมาทำโคลนพอกผิวมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติต่างกันไป เช่น colloidal kaolin (โคลนดินขาวจากจีน) ผสมในเครื่องสำอางพอกหน้า ช่วยดูดความมันและสิ่งสกปรกได้ดี Activated Charcoal (ถ่านชาร์โคล) ช่วยดูดซับสารพิษฝุ่นละออง และสิ่งตกค้างอยู่ในรูขุมขน Bentonite (จากเถ้าภูเขาไฟในสหรัฐอเมริกา) ผสมในผลิตภัณฑ์ลอกหน้าและยารักษาโรคผิวหนัง เช่น Eczema เป็นต้น
โคลนอาจแบ่งเป็น 2 ลักษณะ แบบแรก แบ่งตามแหล่งที่มาของโคลน คือ
1.โคลนภูเขาไฟและน้ำพุร้อน ได้แก่ โคลนเถ้าภูเขาไฟในสหรัฐอเมริกา โคลนโป่งเดือดแม่สะงา จังหวัดแม่ฮ่องสอน
2.โคลนแม่น้ำและทะเลสาบ และโคลนทะเล ได้แก่ โคลนทะเลเดดซี ทั้งนี้โคลนแต่ละแหล่งที่มาจะมีส่วนผสมแร่ธาตุ วิตามิน แตกต่างกันไปด้วย โคลนภูเขาไฟและน้ำพุร้อนมีธาตุกำมะถันและโพแทสเซียมสูง ส่วนโคลนแม่น้ำและทะเลสาบจะมีวิตามินและสารพฤกษเคมีมาก ต่างจากโคลนทะเลที่มีเกลือเป็นส่วนผสมสำคัญ
โคลนอีกประเภทแบ่งตามคุณสมบัติเมื่อใช้งาน คือ โคลนร้อนและโคลนเย็น โดยโคลนทั้งสองประเภทมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดผิวและบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ในการแพทย์ทางเลือกได้นำคุณสมบัติด้านอุณหภูมิของโคลนประเภทแรก (ประมาณ 38 องศาเซลเซียส) มาช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือด และรักษาโรค เช่น การรักษาโรคเกาต์ และอัมพฤกษ์อีกด้วย
กลไกสวยสองต่อ
โคลนพอกผิวช่วยให้ผิวสวยได้ด้วย 2 กลไกสำคัญ กลไกแรกเป็นคุณสมบัติทางกายภาพของเนื้อโคลนที่มีประโยชน์ในการชำระล้างผิว หลักการทำงานง่ายๆ เพียงทาโคลนบนผิวแล้วทิ้งให้แห้ง โคลนพอกหน้าประกอบด้วยอนุภาคของแข็ง เมื่อน้ำที่ผสมอยู่ระเหยออกไป โคลนจะหดตัวและดึงผิวให้ตึง พร้อมดูดซับความมัน สิวเสี้ยนและสิ่งสกปรกออกจากผิวด้วย เมื่อผ่านกลไกการทำความสะอาดผิวแล้ว สารบำรุงผิวที่มีอยู่ในโคลนก็จะช่วยบำรุงและรักษาผิว
แม้โคลนจะมีคุณสมบัติเด่นในการทำความสะอาดและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แต่ควรเลือกใช้โคลนที่สะอาด และผ่านการฆ่าเชื้อแล้วเท่านั้น การพอกโคลนเหมาะกับทุกสภาพผิว แต่ไม่ควรทำเมื่อมีบาดแผล ส่วนคนที่มีผิวแห้งควรทำเพียงสัปดาห์ละครั้งเพื่อไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นมากเกินไป
ขอบคุณ : Naver-age.com