ในหลวงทอดพระเนตรระดับน้ำเจ้าพระยา

"ในหลวง" พระพักตร์แจ่มใส เสด็จฯ ทอดพระเนตรระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยานานหลายชั่วโมง พสกนิกรชื่นชมพระบารมีตลอดเส้นทาง สุดปลื้มปีติเมื่อรู้พระองค์ทรงสดชื่น เผยทุกวันสวดมนต์ขอพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวรในเร็ววัน

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ลงจากชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช

ไปยังบริเวณท่าน้ำบริเวณลานสระว่ายน้ำสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อทอดพระเนตรทัศนียภาพริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมี รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีนิน หัวหน้าสำนักงานศูนย์โรคหัวใจ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เข็นรถพระที่นั่งถวาย พร้อม ศ.คลินิก นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทย์ พยาบาล

จากนั้นเวลา 17.27 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ มายังบริเวณท่าน้ำบริเวณลานสระว่ายน้ำสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชฯ เพื่อทอดพระเนตรระดับน้ำร่วมด้วย
        
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระพักตร์สดชื่นแจ่มใส ทรงฉลองพระองค์เชิ้ตแขนสั้นสีส้มพิมพ์ลายดอกกุหลาบ พระสนับเพลาสีเทาเข้ม พระหัตถ์ขวาทรงถือสายจูงคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง ซึ่งสวมเสื้อสีเขียวอ่อนพิมพ์ลายดอกไม้ โอกาสนี้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังได้จัดเครื่องเสวยพระกระยาหารค่ำถวายในบริเวณดังกล่าว
       

ในหลวงทอดพระเนตรระดับน้ำเจ้าพระยา


ต่อมาในเวลา 18.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ขึ้นสู่ที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็น 2 ชั่วโมง 40 นาทีที่ทอดพระเนตรทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยา
        
ทั้งนี้ตลอดเส้นทางเสด็จฯ ตั้งแต่บริเวณอาคารเฉลิมพระเกียรติจนถึงท่าน้ำบริเวณลานสระว่ายน้ำสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชฯ มีพสกนิกรที่ทราบข่าวการเสด็จฯ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเฝ้ารอรับเสด็จกันเป็นจำนวนมาก
พร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องตลอดเส้นทางเสด็จฯ ไปยังท่าน้ำ
        
ศ.นพ.นุกูล ปริญญานุสสรณ์ อดีตรองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และศัลยแพทย์ภาควิชาศัลยศาสตร์ สาขาศัลยศาสตร์ตกแต่ง โรงพยาบาลศิริราช อายุ 83 ปี
 
ซึ่งวันนี้มีโอกาสได้มารับเฝ้ารับเสด็จกล่าวว่า ปกติจะออกกำลังกายด้วยการวิ่งจากบ้านมาที่สะพานอรุณอมรินทร์ ก่อนจะแวะมาที่โรพงยาบาลศิริราชเป็นประจำ วันนี้โชคดีที่มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จรู้สึกปลื้มปีติใจทุกครั้ง เพราะปกติมีโอกาสเฝ้ารับเสด็จอยู่บ่อยๆ ในฐานะที่เป็นพสกนิกรคนหนึ่งได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานถวายพระองค์ท่านมาทั้งชีวิต จึงรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้ทำงานเสมือนรับใช้แผ่นดินและพระองค์ท่าน 
        
ด้าน นางสง่า โต๊ะทอง อายุ 55 ปี ชาวบ้านย่านตลิ่งชัน

ซึ่งป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตก และอพยพหนีน้ำท่วมมาอยู่ศูนย์พักพิงหอกีฬาภายในโรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า ทราบข่าวว่าการเสด็จฯ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครั้งนี้ แต่คงไม่มีโอกาสมาเฝ้ารับเสด็จ เนื่องจากป่วย ทำให้เคลื่อนไหวร่างกายลำบาก จึงขอส่งแรงใจถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบข่าวว่าพระองค์มีพระพักตร์สดชื่นก็รู้สึกดีใจอย่างมาก 
        
"อยู่ที่ศูนย์อพยพแห่งนี้ 10 วันแล้ว วันนี้มีโอกาสมาที่ลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก จึงนำพวงมาลัยมาถวายสักการะและอธิษฐานขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน และขอพรให้ตัวเองหายป่วยโดยเร็วด้วย" นางสง่า กล่าว
        
นางสุพัฒนา ขยายวงศ์ อายุ 78 ปี ราษฎรเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เผยความรู้สึกว่า เป็นมงคลแก่ชีวิตที่มีโอกาสมาเฝ้ารับเสด็จ
 
ซึ่งวันนี้ถือว่าใกล้ชิดมาก ก่อนหน้านี้เคยเฝ้ารับเสด็จมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ลงมาปลูกต้นศรีตรัง บริเวณลานพระราชานุสาวรีย์พระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เพราะปกติจะมาที่โรงพยาบาลศิริราชทุกวัน เพื่อนำพวงมาลัยมาถวายสักการะพระราชานุสาวรีย์ 
        
"ตอนที่ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอาการประชวรแรกๆ น้ำตาไหลทุกวัน และต่อมาเมื่อรู้ว่าพระอาการดีขึ้นก็ดีใจ ทุกวันนี้จะสวดบทโพชฌังคะปะริตตัง ซึ่งเป็นบทสวดสำหรับอวยพรเพื่อให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว และอย่าให้มีผู้ใดมาทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาท ยายอายุมากแล้ว แต่พร้อมที่จะถวายชีวิตให้แก่พระองค์ท่าน" นางสุพัฒนา กล่าว



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์