กฎเหล็กของรักในออฟฟิศ

กฎเหล็กของรักในออฟฟิศ


1.อย่าไปทำงานทุกวันเพียงเพราะอยากเห็นหน้าเขา หรือได้ใช้เวลาอยู่กับเขา หรือได้แสดงออกว่าปิ๊งเขา ควรไปทำงานด้วยความคิดว่า วันนี้ฉันจะทำงานหนักเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของบริษัท พยายามหักอกหักใจ ทำตัวยุ่งกับงานเข้าไว้ อย่ามัวแต่นั่งฝันกลางวันถึงเขาคนนั้น หรือเอาแต่คิดหาเรื่องเข้าไปพูดคุยหรือแค่เห็นหน้าเขาก็ยังดี ถ้าเขามาหยุดแวะที่โต๊ะของเรา ทำตัวดีๆ คุยทักทายกับเขาแค่ 5-10 นาทีก็พอแล้ว ตัดบทสนทนาด้วยการหยิบเอกสารขึ้นมาแล้วพูดว่า เราต้องกลับไปทำงานแล้ว! 


2.ทำงานหนักแต่อย่าเว่อร์ถึงขนาดทรุดโทรมไม่ใส่ใจสารรูปตัวเอง อย่าหมกตัวอยู่ในที่ทำงานมากจนไม่มีเวลาปรุงแต่งสังขาร เสื้อผ้าเปรอะรอยกาแฟเป็นดวง รองเท้าขะมุกขะมอม คิ้วรกรุงรังไม่ได้รูปทรง ควรสวมเสื้อผ้ารองเท้าให้ดูทันสมัยแต่ไม่ล้ำสมัย เรียกว่าให้ดูดีที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่าสวมถุงน่องรันเป็นอันขาด ควรมีถุงน่องสำรองติดไว้ในลิ้นชักโต๊ะเสมอ รองเท้าต้องขัดให้ขึ้นเงา แต่งหน้าพรมน้ำหอมในปริมาณพอดีอย่าให้มากเกินงาม จำไว้ว่าเราเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใคร เราใส่ใจรูปร่างหน้าตาของตัวเอง สิ่งเหล่านี้ทำเพื่อตัวเองและผลพลอยได้คือ เรามีความมั่นใจในตัวเองจนสามารถเดินเข้าหาชายหนุ่มคนนั้นได้อย่างสบายใจไงละ 


3.อย่าเผลอตกปากรับนัดเขาเร็วเกินไป ถ้าเขาหยุดแวะที่โต๊ะเราแล้วเอ่ยชวนไปกินข้าวกลางวันหรือชวนไปดื่มหลังเลิกงาน บอกไปว่า อยากไปเหมือนกันแต่ไม่ว่างถึงแม้ความจริงจะว่างไปจนถึงอาทิตย์หน้าก็เถอะ เพราะการชวนแบบนี้เหมือนหาคนแก้ขัดไปงั้นเอง ถ้าเรายอมตกลง ความสัมพันธ์จะออกมาในรูปแบบที่ธรรมด๊าธรรมดามาก เขาจะไม่คิดว่าเราเป็นคนพิเศษที่ต้องวางแผนการเดทล่วงหน้าให้ออกมาน่าประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่วางความสัมพันธ์ไว้ในฐานะเพื่อนร่วมงาน ผู้ชายมักใช้เวลาหลายปีกว่าจะขอฝ่ายหญิงแต่งงาน มีตัวอย่างมาแล้วกับผู้หญิงสวยๆหลายรายที่ตกปากรับคำชวนไปดื่มหลังเลิกงาน ทุกหกโมงเย็นฝ่ายชายจะแวะมาชวนไปดื่ม แต่ถ้าเป็นเดทคืนวันเสาร์ เขาจะไม่เอ่ยชวนจนกว่าจะถึงวันศุกร์หรือวันเสาร์ เพราะยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะต้องไปทำอะไรหรือเปล่า ฝ่ายหญิงก็ปล่อยให้เป็นแบบนี้เพราะไม่รู้จะทำอะไรที่มันดีกว่านี้ ในที่สุดหลังจากคบกันเรื่อยๆเปื่อยๆอย่างนี้หกปีฝ่ายชายก็ขอแต่งงาน เธอมีชีวิตแต่งงานที่แย่มากเพราะรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นฝ่ายถูกเอาเปรียบ

การทำงานในที่เดียวกันไม่ได้หมายความว่า เขาสามารถพบหน้าเราได้ทุกเวลาที่ต้องการ อย่ายอมเขาง่ายๆ เขาต้องเตรียมตัวล่วงหน้าถ้าจะขอนัดเรา เพราะเรางานยุ่งมากๆ! ถ้าทำงานอยู่ด้วยกันชนิดโต๊ะติดกันควรปลีกตัวไปกินอาหารกลางวันเองบ้างหรือกับคนอื่นบ้าง และอย่าบอกว่าไปกินข้าวที่ไหน เรากับเขาทำงานด้วยกันแล้วยังเดทกันอีก แทบจะรู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว ต้องทำตัวลึกลับเหลืออะไรไว้ให้เขาฉงนสงสัยบ้างสิ 


4.สงบปากสงบคำเอาไว้ อย่าพูดเรื่องรักให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นฟัง ถ้ามีคนถามว่าสุดสัปดาห์นี้จะไปเที่ยวที่ไหน อย่าเผลอหลุดปากถึงหนุ่มเพื่อนร่วมงานที่จะไปด้วยกัน ตอบไปแค่ว่าจะไปทำอะไรเท่านั้นพอ อย่าให้อาชีพการงานกระทบกระเทือนเพราะการตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเม้าท์กันทั่วออฟฟิศ แถมยังส่งผลถึงความสัมพันธ์ของเรากับเขาด้วย ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากเดทกับผู้หญิงปากสว่างหรอกค่ะ ผู้ชายชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า ถ้าคนในที่ทำงานจะรู้เรื่องนี้ ก็ให้มาจากปากของเขาเองดีกว่า ในทางกลับกันก็อย่าเอาเรื่องตัวเองไปพูดให้ชายหนุ่มฟัง เราจะไปพบลูกค้าที่ไหนกับใครมีประชุมเมื่อไร ถ้าเขาอยากรู้เขาจะถามเอง 


5.ถ้ามีเหตุต้องพูดเรื่องงานกับหนุ่มหวานใจก็จงพูดไปเถอะ พยายามทำตัวให้เป็นมืออาชีพ ถ้ามีโทรศัพท์ก็โทรกลับทันทีต้องเป็นเรื่องงานเท่านั้นนะ พยายามมองความตั้งอกตั้งใจของตัวเองให้ออกว่า มีเหตุจำเป็นต้องติดต่อกับเขาหรือเปล่า หรือว่าแค่หาข้ออ้างไปคุยกับเขา ซึ่งหากเป็นเรื่องงาน บทสนทนาต้องสั้นกระชับได้ใจความและเราควรเป็นฝ่ายจบการสนทนาก่อน ถ้าเป็นไปได้ฝากข้อความไว้ที่เลขาหรือกล่องรับข้อความของเขาดีกว่า ข้อความที่ฝากไว้ก็ควรใช้สำนวนภาษาเป็นการเป็นงาน อย่าทิ้งข้อความหวานแหววแต๋วจ๋าแปะไว้ที่โต๊ะของเขา เพราะถ้าเขาอยากคุยกับเราเขาจะมาหาเราเอง 


6.เขาสามารถส่งอีเมล์หาเราได้มากเท่าที่ต้องการ แต่อย่าตอบอีเมล์กลับทุกครั้งนอกจากว่าเป็นเรื่องงาน หรือถ้าเป็นอีเมล์ที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงาน เราสามารถตอบเขาได้หนึ่งครั้งต่ออีเมล์ของเขาสี่ครั้ง อัตรานี้จะทำให้ดูไม่น่าเกลียด จำไว้ว่าอีเมล์ของเราต้องกระชับตรงไปตรงมาในเรื่องงานเท่านั้น เรื่องนี้สำคัญมากเพราะเราไม่รู้ว่าใครจะแอบเข้ามาอ่านอีเมล์ของเรา บางทีอาจเป็นระดับผู้บริหารที่คอยสอดส่องพนักงานบริษัทก็ได้ เก็บเรื่องรักไว้นอกจอ เอาไว้ไปออกฤทธิ์คืนวันศุกร์เสาร์ดีกว่านะ 


7.อย่าเที่ยวสอดแนมเขาไปทั่วออฟฟิศ อันที่จริงไม่ควรไปอยู่ใกล้ห้องทำงานของเขาด้วยซ้ำ อย่าไปถามเลขาของเขาว่า มีใครโทรหาเขาบ้าง หรือเขาออกไปกินข้าวกลางวันกับใครที่ไหน มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเราเลย ดีไม่ดีเลขาอาจไปบอกเขา เขาเกิดรำคาญขึ้นมาละแย่เลย 


8.อย่าใช้ที่ทำงานเป็นศาลเจ้าบูชารัก อย่าเอารูปถ่ายของเขาใส่กรอบตั้งไว้บนโต๊ะ หรือเก็บตุ๊กตาหมีที่เขาให้วันวาเลนไทน์ไว้ในที่ทำงาน ดูไม่เป็นมือโปรเอาเสียเลย โต๊ะทำงานหรือห้องทำงานควรดูเนี๊ยบสะอาดหมดจด ความเนี๊ยบนี่ละเซ็กซี่สุดๆ ไม่มีใครอยากเดทกับผู้หญิงสกปรกโสมมที่มีโต๊ะรกเป็นรังหนู อย่ากองเอกสารไว้บนโต๊ะเป็นตั้งๆ อย่าเอาขนมที่กินเหลือใส่ไว้ในลิ้นชักโต๊ะ อย่าเก็บของสะสมหรือแขวนอะไรรุงรังไว้ข้างฝา อย่าตกแต่งห้องทำงานเหมือนเป็นหอพักนักศึกษา อย่าทำตัวคิกคุน่ารักอาโนเนะราวเด็กไม่รู้จักโต ทำตัวให้เป็นสาวนักทำงานมืออาชีพเข้าท่ากว่าเยอะ 


9.อย่าจูบหรือเดินจูงมือกันในที่ทำงาน นอกจากจะไม่เป็นมือโปรแล้วภาพพจน์ยังดูเสียหายอย่างหนัก เขาต้องชวนเราไปออกเดทข้างนอกจึงจะมีสิทธิ์ทำกุ๊กกิ๊กกันแบบนี้ได้ อย่ายอมเข้าโรงแรมกับเขาตอนช่วงพักอาหารกลางวันเด็ดขาด เพราะนี่ไม่ใช่การเดทและเขาจะไม่ยกย่องให้เกียรติเรา ยิ่งเวลาเราออกจากโรงแรมกลับเข้ามาทำงาน จะดูโทรมๆยับยู่ยี่ไปเลย ถ้าไม่อยากตกเป็นขี้ปากชาวบ้านจงอย่าทำเด็ดขาด ถ้าอยากตระกองกอดเราไว้ในอ้อมแขน ก็ควรชวนเชิญออกเดทตอนช่วงสุดสัปดาห์ให้เป็นงานเป็นการมากกว่านี้นะจ้ะ 


10.อย่าหลับนอน กับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานนอกเสียจากว่าเป็นแฟนกันจริงๆจังๆแล้ว นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กส์ชั่วครั้งชั่วคราวแต่เกี่ยวถึงอาชีพการงานที่ตามมาในภายหลังด้วย กรณีเช่นนี้ส่วนมากจะเป็นการเดินทางไปทำงานด้วยกันในต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ เป็นเรื่องง่ายที่จะมีเซ็กส์กันเพราะพักอยู่โรงแรมเดียวกัน ถึงแม้เราจะคิดว่าเดินทางมาไกลขนาดนี้คงไม่มีใครมารู้มาเห็น แต่เมื่อกลับบ้าน กลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง เราจะเสียใจที่หลวมตัวไปมีอะไรกับเขา เพราะเขาจะแสดงท่าทีไม่สนใจกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น ดีไม่ดีอาจทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่เสียความรู้สึกก็คือเราซึ่งต้องกลับทำงานร่วมกับเขาทุกวัน 


11.อย่าอ้อยอิ่งอยู่ในออฟฟิศหลังเลิกงานแล้ว หรือออกไปดริ๊งค์ช่วงแฮปปี้อาวร์หลังเลิกงาน ถ้าไม่อยากให้คนมองภาพเราเป็นสาวนักปาร์ตี้ ที่สำคัญอย่าเมาในที่ทำงานไม่ว่าจะเป็นงานเลี้ยงบริษัทขึ้นปีใหม่หรืออะไรทั้งนั้น เพราะเมื่อเมาแล้วก็ยากที่จะหักห้ามใจไม่ทำอะไรตามความรู้สึกตัวเอง...เสียค่ะเสียแน่งานนี้ 


12.ถ้าเรากับเขาทำงานบริษัทเดียวกันแต่ต่างสาขาหรือต่างเมืองกัน ควรรอให้เขาแวะมาหาเราสักสามครั้งก่อนแล้วค่อยแวะไปเยี่ยมเขาบ้าง ถ้าคุณถูกส่งไปทำงานที่เมืองของเขา อย่าไปเจ้ากี้เจ้าการนัดแนะให้เขามาเจอกัน เขาต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเสนอตัวนัดแนะเจอกับเรา ในกรณีที่เป็นแฟนกันจริงจังแล้ว อย่าเพิ่งทำเรื่องขอย้ายตามไปทำงานที่เดียวกับเขา หรือลาออกไปตั้งรกรากอยู่เมืองเดียวกับเขาจนกว่าจะมีการตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะแต่งงานกัน 


13.อย่าทนทำงานในบริษัทเพียงเพราะเขาทำงานอยู่ด้วย ถ้ามีความสุขกับงานก็ทำไป แต่ถ้าสนใจจะเปลี่ยนสายงานก็เชิญเลย ไล่ตามความฝันของเรา อย่าฉุดรั้งตัวเองไว้เพื่อผู้ชายคนหนึ่ง ถ้าลาออกไปเพื่องานใหม่ที่ดีกว่าก็ไปเลย การตัดสินใจทำสิ่งดีๆให้กับตัวเอง เป็นการแสดงให้เขาเห็นว่า เราเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งอาจจะทำให้เขาคิดถึงเรามาก และอาจขอแต่งงานเร็วขึ้นเพราะต่อไปจะไม่ได้เห็นหน้าเราทุกวันนะสิ 


14.อย่าชวนเขาเดินทางไปกลับด้วยกัน เพียงเพราะบ้านอยู่ใกล้กันและทำงานที่เดียวกัน คนที่เอ่ยชวนควรเป็นเขาและเราควรตอบปฏิเสธ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบเราและเรายังสามารถทำตัวเป็นสาวลึกลับได้บ้างบางเวลา 
ลองไปทำดูนะคะ ได้ผลอย่างไรมาบอกกันบ้างค่ะ 


เรื่องโดย : ตะละแม่วีนัส 

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์