ในการเปิดฉากสนทนากับ “คนที่หนูๆ ช้อบชอบ” อยากชวนให้ “มาเป็นแฟนกันเถอะ”
น่าจะมีศิลปะในการพูดใช่มะ ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าอยากพูด หรืออยากถามอะไรก็โพล่งขึ้นมา โดยอ้างว่า ก็ฉันเป็นคนตรงๆนี่หว่า –คงไม่ได้หรอก แหมจะจีบเค้าทั้งที ควรมีหัวข้อสนทนา ที่ทำให้คนนั้นอยากคุยกับเราต่อไปเรื่อยๆสิ อย่าเถรตรงเกินไป แต่ควรมีมารยาทไว้ก่อนแล้วดีเองน้อง
ซึ่งใน หัวข้อที่ควรพูดและหลบเลี่ยง ที่จะงัดมาหัวร่อต่อกระซิก เอ้ย…เจรจากับคนที่คุณสนใจ (Conversation Topics) บอกให้ทราบว่ามีอะไรบ้าง ที่อย่าหยิบขึ้นมาเป็นหัวข้อสนทนาเลย เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้ “คนพิเศษ” ชอบคุณมากขึ้นแล้ว อาจทำให้เค้าอึดอัดจนไม่อยากพบคุณอีกก็ได้ รวมทั้งหัวข้อที่น่าชวนคุยเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่น (ซึ่งไม่ว่าจะเป็นหนุ่มหรือสาวก็ใช้ได้ทั้งนั้น ไม่ผิดกติกามวยโลกหรอก) เช่น…..
1. ไม่ควรตั้งกระทู้ถึงปัญหาสุขภาพ
ขืนถามถึงปัญหาสุขภาพของ “คนที่คุณสนใจ” ตั้งแต่เพิ่งรู้จักกันละก็ โอ้โห เหมือนคุณไม่ให้เกียรติเขาเลยนะเนี่ย เพราะถามแบบนี้ก็เท่ากับระแวงสิว่า เขาเป็นโรคร้ายอะไรอยู่หรือเปล่า? แม้ใจจริงอาจแค่หาอะไรมาพูดด้วยเท่านั้น แต่เป็นเรื่องเซนซิทีฟไป ทว่าถ้าเป็นห่วงจากใจจริง จะถามก็ได้ไม่มีใครว่า เว้นแต่ถ้าตัวคนถูกถามโวยวายขึ้นมาก็อธิบายกันซะให้ดี แต่เอ…มีเหมือนกันที่บางคนชอบใช้แผนเรียกร้องความสงสาร จากเหยื่อด้วยการบอกว่าเขาป่วยอย่างงั้นอย่างงี้ จะฟังใครทั้งทีก็ควรมองหน้าคนพูดหน่อยว่าน่าเชื่อถือหรือไม่
2. อย่าพูดจาภาษาเทคนิเชียนให้มาก
การสร้างความสัมพันธ์ทางใจไม่จำเป็นต้องงัดศัพท์แสงแสลงหูมาพูดก็เข้าใจกันได้ แต่แปลกแฮะพูดกับคนที่เราชอบด้วยการใช้ศัพท์แปลกๆ หรือศัพท์ เทคนิคด้านแพทย์, เภสัชฯ หรือไอทีอะไรเนี่ย ตอนแรกๆก็คงสนุกดี แถมชวนให้อยากคุยอีกต่างหาก แต่ขืนเจอกันทุกครั้งเป็นต้องแปล “เสียงในฟิล์ม” กว่าจะเข้าใจทีคงลำบากแฮะ เออ…ถ้า “ว่าที่แฟน” เป็นชาวต่างชาติก็ว่าไปอย่าง เพราะพอทำใจให้รู้แต่แรกแล้วว่าแตกต่างกันก็ต้องปรับตัวเข้าหากัน แล้วถ้าอีกฝ่ายรักเราจริง เขาอาจย่องเงียบไปเรียนภาษาเพื่อเซอร์ไพรส์คุณก็ได้ ดีซะอีกเป็นการทดสอบด้วยว่าเขาชอบเราจริงรึเปล่า?
3. อย่าถามถึงอดีต
เป็นมารยาทขั้นพื้นฐานที่ไม่ควรถามเรื่องอดีตคู่รัก เว้นแต่อีกฝ่ายอยากพูดก่อน ที่ไม่ควรถามก็เผื่อว่า “ใครคนนั้น” อาจยังเจ็บช้ำระกำรักอยู่ก็ได้ หนำซ้ำจุดมุ่งหมายของการคบกันคราวนี้ คือการสร้างความประทับใจ, สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ไม่ใช่หวนรำลึกถึงหรือตอกย้ำเรื่องเศร้า หรือความผิดพลาดในอดีตนี่นา
4. ถามถึงพี่ๆน้องๆของอีกฝ่ายมั่งก็ได้
ถือเป็นหัวข้อสนทนาที่ปลอดภัย แสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจในชีวิตครอบ-ครัวของ “คนที่คุณชอบ” เป็น พิเศษ แต่อย่าสะเออะถามว่า เขามีพี่หรือน้องที่แจ๋วแหววเจ๋งเป้งกว่าเค้าหรือเปล่าละกัน หากอีกฝ่ายไม่มีพี่หรือน้องหล่อกว่าหรือฉลาดกว่าก็แล้วไป แบบนี้ยังเปิดทางให้เขา “คุยโว” ได้ แต่ถ้ามีล่ะ เพราะเขาเอง (คนที่คุณชอบ) ดันรู้สึกอยู่ลึกๆในใจอยู่แล้วว่าด้อยกว่าพี่น้อง ก็เท่ากับไปขยี้ปมด้อยให้แผลลึกไปอีก เสี่ยงว่ะ ว่ามะ
5. ถามถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่นชอบ
ไม่ว่าใครก็ชอบคุยเรื่องนี้ทั้งนั้น เพราะหัวข้อเรื่องงานการที่ทำอยู่น่ะมันเคร่งขรึมไปหน่อย สู้ถามถึงประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยว ความประทับใจ และความเพลิดเพลินบันเทิงใจไม่ดีกว่ารึ รับรองไม่ใครก็ใครย่อมยินดีเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ ถ้าสนใจในสถานที่คล้ายกัน จะได้ชวนไปเที่ยวซะเลย ยิงทีเดียวได้นกสองตัว ไชโย… ถือโอกาสสานความสัมพันธ์ล้ำลึกยิ่งๆขึ้นไปเลยซี แต่อย่าไปปล้ำเขาละกัน
6. คุยเรื่องอาหาร-เครื่องดื่ม
หัวข้อการสนทนาอีกประการที่ไม่ควรพลาดคือ พูดคุยกันเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม แล้วเดี๋ยวก็จะรู้เองแหละว่า ต่างฝ่ายต่างชอบทานอะไร และไม่ชอบอะไร ใจตรงกันหรือต่างจิตต่างใจ เผลอๆถ้าเขาบอกว่า ชอบทำอาหารละก็ งั้นรีบพูดเปิดทางให้เขาชวนคุณไปทานข้าวที่บ้านเขาเลยสิ ให้โอกาส “ฝ่ายนั้น” ได้โชว์ฝีมือการควงตะหลิวมั่งก็ดีนะ อีกอย่างการคุยถึงเครื่องดื่ม ก็จะได้รู้ไงว่าไอ้นี่ขี้เมารึเปล่า ขืนดื่มสุรายาเมาเป็นน้ำเปล่าละก็ ระวังจะพากันกินแกลบในอนาคตนะ
7. คุยเรื่องพื่อนๆ
ผู้หญิงชอบคุยถึงเพื่อนสนิทซึ่งชายก็ชอบด้วยแหละ แต่ต่อหน้าสาวที่เขาชอบอาจไม่อยากพูดเพราะกลัวโดนแย่งก็ได้ แต่ถ้าเธอทำให้มั่นใจได้ว่าคุยให้ฟังได้ ไม่มีปัญหา ไม่ได้สนใจอยากเป็นแฟนซะหน่อย งั้นก็คุยซี แล้วอย่าลืมถามถึงเพื่อนเธอด้วยแม้ว่าจะไม่รู้จักก็ตาม จะได้ทราบว่าเพื่อนคนไหนที่มีความหมายกับอีกฝ่ายอย่างไร หรือใครบ้างที่ทำไม่ดีด้วย จะได้มีศัตรูตรงกันไง
8. คุยถึงเวลาว่าง หรือช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างทำอะไรสนุกๆ
ถามถึงกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ต่างฝ่ายต่างชอบ จะได้หาโอกาสไปทำกิจกรรมนั้นร่วมกัน หรือชอบฟังเพลงประเภทไหน จะได้ควงกันไปดูคอนเสิร์ตวันหลัง ถ้านิยมไปเที่ยวสวนสนุก หรือสวนน้ำ ซัมเมอร์นี้จะได้ชวนกันไปตะลุยลงสระลงทะเลซะเลย แต่ถ้าฝ่ายไหนจำเป็นต้องไปกะครอบครัวก็ถอยดีกว่า
9. สุดสัปดาห์จะนัดเจอกันดีไหม?
คู่ที่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน ย่อมอยากเจอกันในวันหยุดสุดสัปดาห์แหงๆ ซึ่งหากว่างตรงกันก็ดีเลย แต่ถ้าไม่ใช่เพราะบางคนต้องทำงาน บางคนอาจมีธุระ ก็นัดกันให้รู้เรื่องรู้ราวไปซะ ไม่จำเป็นต้องเจอทุกวันหยุดก็ได้นี่ กระนั้นการใช้ชีวิตในช่วงวันหยุดด้วยกันซะมั่งอาจทำให้ได้ภาพที่ชัดเจนขึ้นก็ได้นะ ว่าชีวิตที่อยู่กับใครคนนี้จะเป็นแบบไหน ถ้าใจตรงกันก็แจ๋วไปเลย
10. หากเขาชวนไปทานอาหาร
แล้วพอถึงเวลาเช็กบิล เขาดันบ่นพึมพำว่า ตายล่ะวันนี้พกเงินสดมาไม่พอ แถมบัตรเครดิตก็ลืมเอามา “งั้นคุณจ่ายไปก่อนได้ไหม?” …อุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้นได้ แต่ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายชวนก็ควรเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ว่าไหม ขนาดเลี้ยงข้าวยังไม่พร้อมเลย แล้วจะเลี้ยงแฟนไหวเรอะ…น่าเก็บไปคิดเหมือนกันนะ