อีกไม่กี่วันข้างหน้าคนไทยทุกคนกำลังจะได้ก้าวย่างเข้าสู่ปี พ.ศ. 2555 ซึ่งใคร ๆ ต่างวาดหวังว่า จะเป็นปีที่ได้หัวเราะร่า 555 ดั่งตัวเลขประจำปี พ.ศ.
ประจวบเหมาะกับสถานการณ์น้ำท่วมที่เบรกบรรยากาศการท่องเที่ยวให้ชะงักงันไปชั่วขณะ ได้เดินมาถึงตอนอวสาน พื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญที่เคยถูกน้ำท่วม ก็ปรากฏภาพน้ำแห้งเหือดไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงคราบจารึกความทรงจำ ขณะที่สภาพอากาศทั่วประเทศ เวลานี้ค่อย ๆ หนาวเย็นลงทุกวัน จึงช่วยกระตุ้นให้คนเริ่มมีอารมณ์อยากออกไปเที่ยวรับลมหนาว
เบื้องต้นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินเอาไว้ว่า ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปี 55 นี้ จะมีคนไทยเที่ยวไทย ถึง 4 ล้านคน ช่วงรอยต่อของปี
ส่งผลให้เงินสะพัดทั่วประเทศกว่า 20,000 ล้านบาท โดยพื้นที่ยอดนิยมติดลมบนเวลานี้ คงไม่มีส่วนไหนของประเทศร้อนแรงสวนทางกับสภาพอากาศเกินกว่า ภาคเหนือ ที่ว่ากันว่า จะมีคนไทยแห่ไปเที่ยวกันถึง 40% ของจำนวนคนไทยทั้งหมดที่คิดเดินทางไปเที่ยว
ถ้าลงลึกรายจังหวัดเห็นทีหนีไม่พ้น...จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีอากาศหนาวเย็นจับใจ พร้อมเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวสารพัดแบบเอาใจกลุ่มนักท่องเที่ยวทุกช่วงวัย ยิ่งเวลานี้อยู่ในช่วงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ ยิ่งทำให้จังหวัดเชียงใหม่เนื้อหอมมากขึ้นไปอีก
แต่สำหรับคนเมืองกรุงที่เบื่อการเดินทางไกลแล้ว ภาคกลาง ยังเป็นจุดหมายปลายทางในดวงใจที่เลือกไปเช่นเดิม แม้ว่าอากาศจะไม่หนาวเหน็บมากเท่ากับภาคเหนือ แต่เมื่อดูจากความสะดวกด้านการเดินทาง และความหลากหลายของสินค้าและบริการท่องเที่ยวที่มีแล้ว ก็ได้ใจคนเมืองกรุงไปเต็ม ๆ
ส่วนภาคใต้...ไม่ร้อนแรงสำหรับคนไทยด้วยกัน เพราะนึกถึงอากาศหนาวทีไร หัวใจคนไทยก็ลอยไปอยู่แถวภาคเหนือ แถวภูต่าง ๆ ก่อนทุกที เมื่อเป็นเช่นนี้ทะเลจึงเป็นตัวเลือกท้าย ๆ แต่สำหรับคนประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง เช่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย ไปจนถึงคนเมืองไกลแล้ว กลับเนื้อหอมเสียจนผู้ประกอบการรอต้อนรับกันแทบไม่ทัน
เปิดแหล่งท่องเที่ยวท็อปฮิตปี55
อย่างไรก็ตามถึงเวลานี้ อาจยังมีคนส่วนหนึ่งที่ยังลังเล ไม่รู้จะพาตัวและหัวใจไปพักผ่อนหย่อนใจที่ไหนดี วันนี้ “เดลินิวส์” จึงรวมเด็ดแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มาให้เลือกพิจารณากัน
เริ่มตั้งแต่การท่องเที่ยวแบบสีสันซาบซ่าหัวใจ ฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับคนหมู่มาก ซึ่งปีนี้มีจัดกันแทบทุกจังหวัดทั่วประเทศ แต่ที่เด็ดและดัง ขอยกตัวอย่างให้ลองไปพิจารณากันแค่ 10 แห่ง
สถานที่แรก เริ่มจากเมืองหลวงของไทย กรุงเทพฯ ฟ้าอมร ซึ่งจะมี งานบางกอก เคานท์ดาวน์ 2012 วันที่ 31 ธ.ค.นี้ ที่ลานเซ็นทรัลเวิลด์ สแควร์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ข้ามผ่านไปจนถึง 01.00 น. วันรุ่งขึ้น โดยงานนี้คลอดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 จากนั้นได้จัดเรื่อยมาแทบทุกปี จนกลายเป็นงานช้าง ที่ไม่ได้ดังแค่ในหมู่คนไทยเท่านั้น เพราะถูกจัดเป็น 1 ใน 10 ของงานเคานท์ดาวน์ที่จัดเป็นงานระดับโลกไปแล้ว
ส่วนบรรยากาศภายในงาน มีทั้งการตกแต่งสถานที่เอาใจคนชอบถ่ายรูป ไม่ว่าจะเดินไปไหนต้องถ่ายรูป กระจายข่าวสารให้รับรู้ทางสังคมออนไลน์ตลอดเวลา โดยตกแต่งพื้นที่ด้วยต้นคริสต์มาสที่มีดีกรีใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมกับตุ๊กตาหมีน้อยใหญ่ พร้อมกับเอาใจคอเพลง ด้วยการดึงศิลปินมาร้องเพลง สร้างความสุขสันต์ในงาน
แว่วมาว่าภายในงานปีนี้ มีการขนเทคนิคการแสดงแสงสีเสียงอลังการจากเกาหลีมาโชว์เลยทีเดียว และผู้จัดงานคาดการณ์กันว่า จะมีคนแห่มาร่วมงานไม่ต่ำกว่า 200,000 คน ด้วยเหตุนี้จึงจัดเต็มเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจมาร่วมงาน
ต่อกันที่งาน “เชียงใหม่ เคานท์ดาวน์ 2012” วันที่ 31 ธ.ค.- 1 ม.ค. ซึ่งปีนี้สร้างสีสันเรียกคนร่วมงาน ด้วยการจำลอง 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกพร้อมประดับไฟแอลอีดีรอบเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งขนเอาการแสดงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนานาชาติมา เช่น ระบำโคมจากญี่ปุ่น ระบำบูชาไฟจากอินเดีย และบัลเล่ต์จากฝรั่งเศส เป็นต้น
แห่งที่ 3 ยิ่งใหญ่ไม่แพ้พื้นที่ไหนและอยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ สำหรับ “เดอะ แกรนด์ พัทยา เคานท์ดาวน์ 2012” ซึ่งจัดที่บริเวณแหลมบาลีฮาย จังหวัดชลบุรี ในงานมีศิลปินมาเรียกความมันเหมือนเช่นทุกเวที ซึ่งทางเจ้าบ้านที่จัดงานได้คาดว่าจะมีเหล่าชาวไทยและต่างชาติแห่แหนมารวมตัวกันในงานถึง 100,000 คน
ที่เด็ดและการันตีจำนวนคนร่วมงานไม่เป็นสองรองใคร เห็นจะเป็นแห่งที่ 4 นั่นคือ “ขอนแก่น ปาร์ตี้ปีแสง” ที่จัดขึ้นที่ประตูเมือง บริเวณถนนศรีจันทร์ หน้าห้างเซ็นทรัล ไปถึงศาลหลักเมือง จังหวัดขอนแก่น โดยจัดภายใต้แนวคิดสไตล์เมืองดังแดนอีสาน โดยในงานจะประดับประดาด้วยประติมากรรมแสง ที่ตั้งใจทำให้บรรยากาศในงานเป็นเหมือนทะเลแห่งดวงดาว เคล้าไปกับเสียงเพลงของศิลปินดัง ซึ่งผู้จัดงานฟันธงไว้ว่า จะมีคนจากทั่วทุกสารทิศ โดยเฉพาะพี่น้องแดนอีสาน แห่มาร่วมงานถึง 300,000 คน
แวะลงไปทางใต้กันบ้าง สำหรับงานที่ 5 “ไนท์ พาราไดซ์ หาดใหญ่ เคานท์ดาวน์ 2012” จัดขึ้นที่ใจกลางเมืองหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งภายในงานมีคอนเสิร์ตจากศิลปินดัง และการจุดพลุเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา เบื้องต้นคาดว่าจะมีชาวไทยและต่างชาติตบเท้ามาร่วมงานกว่า 70,000 คน
งานที่ 6 ยังอยู่ที่ภาคใต้ โดยงานนี้มีชื่อว่า “คัลเลอร์ฟูล ภูเก็ต เคานท์ดาวน์ 2012” จัดขึ้นวันที่ 29-31 ธ.ค. ที่สนามชัย อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งทีเด็ดของงานที่นี่จะจัดกิจกรรม ภายใต้แนวคิด มหัศจรรย์แห่งแสงสีและสีสัน โดยตั้งซุ้มแสงสีทอง ส่องทั่วหล้า แสดงภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งวางโคมไฟต้นโพธิ์เฉลิมพระเกียรติ เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้เขียนคำถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประดับไว้บนต้นไม้สีทอง เนื่องในโอกาสครบรอบ 84 พรรษา เบื้องต้นคาดว่าจะมีคนแห่แหนมาร่วมงานที่นี่ถึง 50,000 คน
กลับบ้านมาย่านเมืองท่องเที่ยวไม่ไกลกรุงเทพฯ กันบ้าง งานที่ 7 “หัวหิน เคานท์ดาวน์ 2012” จัดขึ้นวันที่ 31 ธ.ค. ตั้งแต่ 18.30 น. เป็นต้นไป ที่ศูนย์การค้าหัวหิน มาร์เก็ต วิลเลจ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีการประดับตกแต่งไฟสวยงามในงาน พร้อมทั้งการแสดงจากศิลปิน
ย้อนยุคกันบ้าง สำหรับ งานที่ 8 “อัมพวารื่นเริงเถลิงศกใหม่ 2555” จัดขึ้นริมเขื่อนหน้าที่ว่าการอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม โดยจำลองบรรยากาศแบบย้อนยุคชวนผู้ร่วมงานฟังเพลง รำวง และลีลาศไปกับการแสดงดนตรีของวงสุนทราภรณ์วงใหญ่ และร่วมเคานท์ดาวน์ร้องเพลงสวัสดีปีใหม่กันแบบฉบับวงสุนทราภรณ์ พร้อมชมการแสดงพลุและดอกไม้ไฟฉลองวันขึ้นปีใหม่ 2555 โดยหลังจากฉลองเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการจัดทำบุญตักบาตรเสริมสิริมงคลกันต่อในช่วงเช้าวันปีใหม่ทันที
ส่วนงานที่ 9 ได้แก่ “เคานท์ดาวน์ ที่หอนาฬิกาเทศบาลนครเชียงราย” จัดขึ้นที่ถนนบรรพปราการ ตั้งแต่สี่แยกประตูสลี ถึงสี่แยกสะพานดำ โดยในงานจะจัดแสดงดนตรีจากนักเรียน นักศึกษา พร้อมการแสดงกลองบูชา กลองแอว กลองสะบัดชัย การละเล่นพื้นบ้านต่าง ๆ พร้อมกับจุดพลุเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ และชวนผู้ร่วมงานปล่อยโคมไฟเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว โดยมีบรรยากาศเบื้องหลังเป็นหอนาฬิกาแสดงแสงสีเสียง
ปิดท้ายงานที่ 10 กันที่ “ม่วนซื่นเคานท์ดาวน์เฉลิมฉลองปีใหม่ 2555 มุกดาหาร” ที่ลานศาลาพญานาค จุดชมวิวใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 ที่ในงานมีการแสดงพลุดอกไม้ไฟกลางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 พร้อมกับการจัดไฟประดับริมฝั่งแม่น้ำโขง และงานมหกรรมอาหารอีสาน ไทย ลาว จีน เวียดนาม เอาใจคนชอบชิม และการแสดงศิลปะพื้นบ้านต่าง ๆ
นี่แค่สถานที่เคานท์ดาวน์รวมพลคนหมู่มาก ตามประสาคนชอบแสงสีเสียงเท่านั้น
สำหรับคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวสบาย ๆ รับลมหนาว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่รอให้ไปเยี่ยมชมอีก เช่น อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่การเดินทางไปต้องผ่านโค้ง 2,000 กว่าโค้ง และแต่ละโค้งถือว่าหักศอกปราบเซียนทั้งนั้น ชวนให้วัยรุ่น วัยทำงาน อยากไปท้าความมัน พิชิตปายกัน โดยมีกิจกรรมเด่นคือการเดินเล่นถนนคนเดิน จิบกาแฟสัมผัสลมหนาวตามร้านกาแฟชื่อดัง เยี่ยมหมู่บ้านจีนยูนนาน ไปพอกโคลนที่ภูโคลน และสัมผัสธรรมชาติ แสงแดดรำไร กลางลมหนาว ที่ปางอุ๋ง เป็นต้น
ที่มาแรงตามปายมาติด ๆ ได้แก่ เมืองเชียงคาน จังหวัดเลย ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่ถูกวิถีชีวิตของนักท่องเที่ยวกลืนกินวิถีชีวิตของคนในชุมชนไปมาก เหมือนกับปาย ชุมชนที่นี่ยังคงความโบราณเก่าแก่ไว้ได้ดีอยู่ในสายตานักท่องเที่ยว โดยกลุ่มที่เดินทางไปส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงานเช่นกัน
ที่นิยมมากสำหรับคนเมืองกรุง ที่ไม่อยากเดินทางท้าหนาวไกล ๆ ได้แก่ อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ซึ่งมีจุดเด่นที่พักซึ่งออกแบบเก๋ไก๋ ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้อยากไปทิ้งตัวลงนอนพักผ่อน ถ่ายรูปกับฟาร์มเลี้ยงแกะ
อย่างไรก็ตามหากนั่งนับกันเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติล้วน ๆ
โดยดูจากสถิติของกรมอุทยานแห่งชาติ ตลอดเดือน ธ.ค. 53-ม.ค. 54 เป็นดัชนีอ้างอิงแล้ว พบว่า 20 อันดับพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ที่จะมีคนแห่แหนไปเยี่ยมเยือนมาก 2 เดือนนี้ อันดับ 1 ตลอดกาล ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีคนเดินทางไปถึง 251,897 คน อันดับ 2 หนีไม่พ้นภาคเหนือ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 212,674 คน, อันดับ 3 ก็ยังวนเวียนอยู่ทางภาคเหนือเช่นเดิม คือ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง 175,808 คน, อันดับ 4 อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย 132,597 คน อันดับ 5 อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว 101,511 คน
ส่วนอันดับ 6-20 ได้แก่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง, อุทยานแห่งชาติเอราวัณ, อุทยานแห่งชาติผาแต้ม, อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด, อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ดอยปุย, อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา น้ำตกผาเสื่อ, อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน, อุทยานแห่งชาติไทรโยค, อุทยานแห่งชาติภูกระดึง, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา, อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง, อุทยานแห่งชาติภูซาง, อุทยานแห่งชาติศรีน่าน และอุทยานแห่งชาติคลองลาน
ปิดท้ายกันด้วยการท่องเที่ยวอีกรูปแบบที่ได้รับความนิยมทุกยุค ทุกสมัย นั่นก็คือ กิจกรรมไหว้พระ 9 วัด
ซึ่งสามารถจัดเส้นทางได้แทบทุกจังหวัด แต่ในที่นี้ขอยกตัวอย่างขึ้นมาเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งทาง ททท. ได้จัดวางเส้นทางท่องเที่ยวไหว้พระ 9 วัดเป็นตัวอย่างให้คนไทยได้เที่ยวตาม 3 รูปแบบ ได้แก่ ไหว้พระเสริมสิริมงคล 9 พระอารามหลวง, ไหว้พระประจำรัชกาล และไหว้พระ 9 วัด ล่องแม่น้ำ และกิจกรรมทางธรรมที่โดดเด่นที่สุดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับเวลานี้ที่คนต้องการที่พึ่งทางจิตใจ ได้แก่ การสวดมนต์เคานท์ดาวน์ ซึ่งมีแทบทุกจังหวัด ตอบสนองหัวใจคนไทยที่ต้องการหันหน้าเข้าหาธรรมะ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต สะสางความทุกข์ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับความสุขในวันใหม่ ๆ
อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว ใครยังลังเลตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปทางไหนดี แนะนำให้เสาะหาข้อมูลตามใจชอบได้ที่ www.tourismthailand.org, www.amazingcountdown.com และสายด่วน 1672
เรียกว่ามีทั้งกิจกรรม และแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจยาวเป็นหางว่าว ให้เลือกมากขนาดนี้แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของพี่น้องชาวไทยแต่ละคนว่า อยากเลือกไปเคานท์ดาวน์คึกคัก พักผ่อนมุมสงบ ผจญภัยในป่าเขา หรือจะเข้าหาทางธรรม
เพราะไม่ว่าจะเป็นแบบไหน!! ขอแค่คนไทยเลือกออกมาท่องเที่ยวกัน นอกจากช่วยเติมความสุขให้กับชีวิตตัวเองแล้วยังมีส่วนช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่งด้วย.
10 อันดับจังหวัดที่คนไทยจะเดินทางไปเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่
1. เชียงใหม่ 29.26
2. กรุงเทพฯ 6.40
3. ชลบุรี 5.71
4. ประจวบคีรีขันธ์ 5.22
5. เชียงราย 4.73
6. นครราชสีมา 4.73
7. ภูเก็ต 4.73
8. เพชรบูรณ์ 3.35
9. กระบี่ 3.25
10. เลย 3.05