ผลจากปรากฏการณ์"น้องน้ำ"ในช่วง 3 เดือน ได้ทำให้สังคมไทยได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย
ประการแรก ได้เรียนรู้ว่าสังคมไทยยังเต็มไปด้วยความเกลียดชังระหว่าง"สี"ระหว่าง"พรรค"
ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ กับกรุงเทพมหานครที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ ปรากฏให้เห็นชัดเจนในช่วงเวลาดังกล่าว
มีการชิงไหวชิงพริบกันตลอดเวลา ทั้งที่น่าจะเป็นห้วงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องจับมือกันเพื่อแก้ไขปัญหา
นอกจากนั้นทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่างถูกมองด้วยแว่นตาคนละสีอย่างชัดเจน
ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าเรื่องอะไร แต่ขึ้นอยู่ว่าใครทำ
ประการที่สอง ทั้งรัฐบาลและกทม.ขาดประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาวิกฤต
"น้องน้ำ"ทำให้ทุกคนได้รู้ว่ารัฐบาลชุดนี้ เป็น"มือใหม่"อย่างแท้จริง
การดึงบุคลากรแถว 3 ทางการเมืองมารับตำแหน่งบริหาร เมื่อเผชิญวิกฤติจึงทำอะไรไม่เป็นและเป็นฝ่ายตั้งรับตลอด
"น้องน้ำ"พิสูจน์ให้เห็นว่า"ยิ่งลักษณ์"ไม่ใช่"โคลนนิ่ง"ของ"ทักษิณ"
แต่เธอเป็น"มือใหม่"ที่ขยันเท่านั้นเอง
ส่วนทางกทม. "สุขุมพันธุ์ บริพัตร"ที่เคยเป็นนักการเมืองน้ำดีที่ไม่ค่อยเล่นการเมือง
แต่การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมครังนี้ "สุขุมพันธุ์"สวมวิญญานนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์อย่างเต็มตัว
มีเขี้ยวมีคมและเล่นการเมืองตลอด
ในขณะที่การแก้ปัญหาที่ป้องกันน้ำท่วมกทม.อย่างเต็มที่โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของคนนนทบุรีและปทุมธานี. ทำให้"สุขุมพันธุ์"โดนโจมตีอย่างหนัก
ประการที่สาม "น้องน้ำ"ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ
นิคมอุตสาหกรรมในเขตจังหวัดภาคกลาง เช่น นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ บางปะอิน นวนครฯลฯ โดน"น้องน้ำ"ถล่มจนเสียหายยับเยิน
คาดว่าความเสียหายครั้งนี้ไม่ต่ำกว่าหลักแสนล้านบาทอย่างแน่นอน
ประการที่สี่ "น้องน้ำ"ทำให้ทุกคนได้รู้ซึ้งถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
แม้จะพยายามกั้นขวางทุกรูปแบบ แต่สุดท้าย"น้องน้ำ"ก็ทะลุทะลวงเข้ามาได้ ไม่ว่าจะเป็นนิคมอุตสาหกรรม หรือบ้านเรือน
หลายบ้านได้รู้ฤทธิ์เดชของ"น้องน้ำ"
กั้นอิฐบล็อค กระสอบทรายหน้าบ้าน แต่"น้องน้ำ"ก็ทะลุเข้ามากลางบ้านได้
"น้องน้ำ"ทำให้ทุกบ้านได้รู้ว่ายังมี"รูรั่ว"ที่ไหนในบ้านบ้าง
ทั้งที่เราไม่ไม่อยากรู้
บทเรียนจาก"น้องน้ำ"ทำให้รู้ว่าวิธีการรับมือกับธรรมชาติ คือ ต้องเคารพและยอมรับในความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
ปล่อยมันให้ผ่านไป อย่าไปกักมันไว้
ประการที่ห้า "น้องน้ำ"ทำให้เห็น"น้ำใจ"คนไทย
ทุกคนพร้อมเอื้อมมือลงมาช่วย ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย
หรือลงแรงเป็น"จิตอาสา"
คำว่า"จิตอาสา"ที่เคยพูดกันมานานแปรเป็น"รูปธรรม"ให้เห็นอย่างชัดเจน
คนหนุ่มสาวจำนวนมากสละแรงบรรจุถุงทราย ถุงยังชีพ จนถึงการระดมทุนซื้อของไปบรจาคในพื้นที่น้ำท่วม
เป็น"ความงดงาม"ที่เกิดขึ้นจาก"อุทกภัย"ครั้งนี้
ประการที่หก. "น้องน้ำ"ทำให้เห็นชัดเจนว่าคนไทยมากด้วย"อารมณ์ขัน"จริงๆ
ทั้งที่เดือดร้อนแสนสาหัส แต่คนไทยก็ยังมีอารมณ์ขัน
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกิจกรรมสนุกสนานในชุมชน
หรือการสร้างตัวละคร"น้องน้ำ"และ"พี่กรุง"ขึ้นในโลกออนไลน์
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก หรือความเป็นเด็กเรียนเก่ง.ผ่านหลายมหาวิทยาลัยของ"น้องน้ำ"
รวมทั้งเรื่องเล่า"นายกฯคนใหม่"
อารมณ์ขันเหล่านี้กลายเป็น"น้ำเย็น"ที่ช่วยราดรด"ความร้อนรุ่ม"ที่เกิดจากความทุกข์จาก"น้องน้ำ"ได้อย่างดียิ่ง
ด้วยผลงานต่างๆของ"น้องน้ำ"ทำให้เธอได้รับเสียงประชามติอย่างเป็นเอกฉันท์
ให้เป็น"บุคคลแห่งปี. 2554"ของ"มติชนออนไลน์"
..............
"เรียกน้องน้ำว่าเธอ รู้ได้อย่างไรว่าน้องน้ำเป็นผู้หญิง"
"เพราะน้องน้ำใช้ลิปสติค"
"ไหน หลักฐาน"
"ดูตามตู้โทรศัพท์หรือรั้วบ้านสิ ลิปสติคสีน้ำตาลแบบนี้ ต้องผู้หญิงแน่นอน"