ย้อนอดีตคำขวัญวันเด็ก 56 ปี
หลังจากผ่านพ้นเทศกาลเฉลิมฉลองในช่วงวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม วันสำคัญต่อมาของเด็กๆ ทั่วประเทศ นั่นคือ "วันเด็กแห่งชาติ" ที่ถูกกำหนดให้ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี
ที่มาของวันเด็กแห่งชาติ จากข้อมูลของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมระบุว่า มีต้นกำเนิดมาจากการที่สหประชาชาติทั่วโลกเกิดความตื่นตัว และเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะให้ความสำคัญแก่เด็กๆ ปี พ.ศ.2498 นายวี เอ็ม กุลผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิการเด็กระหว่างประเทศ เสนอต่อกรมประชาสงเคราะห์ให้จัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก
ในปีเดียวกันทั่วโลกไม่น้อยกว่า 40 ประเทศจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติของตนขึ้น โดยได้มีการกำหนดว่าจะถือเอาวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ
สำหรับประเทศไทย กรมประชาสงเคราะห์กระทรวงมหาดไทย เห็นควรจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติ รัฐบาลจึงได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชนกำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
งานวันเด็กแห่งชาติครั้งแรกของประเทศไทย จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2498 จากนั้นเป็นต้นมา ราชการได้กำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นวันเด็กแห่งชาติ โดยจัดต่อเนื่องกันมาจนถึงปี 2506 ที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีนั้น ได้มีความเห็นตรงกันว่า สมควรเสนอเปลี่ยนวันจัดงานวันเด็กแห่งชาติใหม่ ด้วยเหตุผลว่า เดือนตุลาคมสำหรับประเทศไทยเป็นเดือนที่ยังอยู่ในฤดูฝน มีฝนตกมาก เด็กๆไม่สะดวกในการเดินทางมาร่วมงาน นอกจากนี้วันจันทร์เป็นวันปฏิบัติงานของผู้ปกครอง จึงไม่สามารถพาเด็กของตนไปร่วมงานได้
ด้วยเหตุนี้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2507 เปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ที่มีความเหมาะสมและสะดวกมากกว่า ส่งผลให้ในปี 2507 ไม่มีงานวันเด็กแห่งชาติด้วยการประกาศเปลี่ยนได้เลยวันมาแล้ว งานวันเด็กแห่งชาติจึงเริ่มจัดขึ้นใหม่อีกครั้งในปี 2508 เรื่อยมาถึงปัจจุบัน
ส่วนเรื่องคำขวัญในวันเด็กแห่งชาตินั้นเป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทยเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2499 ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ.2502 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมาจึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 56 แล้ว
เริ่มจาก จอมพล ป.พิบูลสงคราม
พ.ศ.2499 "จงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม"
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
พ.ศ.2502 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า"
พ.ศ.2503 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่รักความสะอาด"
พ.ศ.2504 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย"
พ.ศ.2505 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่ประหยัด"
พ.ศ.2506 "ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้าจงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด"
จอมพลถนอม กิตติขจร
พ.ศ.2507 "ไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ"
พ.ศ.2508 "เด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี"พ.ศ.2509 "เด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะบากบั่น และสมานสามัคคี"
พ.ศ.2510 "อนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย"
พ.ศ.2511 "ความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง"
พ.ศ.2512 "รู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ"
พ.ศ.2513 "เด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส"
พ.ศ.2514 "ยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ"
พ.ศ.2515 "เยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ"พ.ศ.2516 "เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ"
นายสัญญา ธรรมศักดิ์
พ.ศ.2517 "สามัคคีคือพลัง"
พ.ศ.2518 "เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี"
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
พ.ศ.2519 "เด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้"
นายธานินทร์ กรัยวิเชียร
พ.ศ.2520 "รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย"
พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
พ.ศ.2521 "เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง"
พ.ศ.2522 "เด็กไทยคือหัวใจของชาติ"พ.ศ.2523 "อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย"
พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
พ.ศ.2524 "เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม"
พ.ศ.2525 "ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย"
พ.ศ.2526 "รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัดมีวินัยและคุณธรรม"
พ.ศ.2527 "รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิดสุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา"
พ.ศ.2528 "สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม"
พ.ศ.2529 "นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัดใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"
พ.ศ.2530 "นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัดใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"
พ.ศ.2531 "นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัดใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"
พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
พ.ศ.2532 "รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"
พ.ศ.2533 "รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม"
พ.ศ.2534 "รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา"
นายอานันท์ ปันยารชุน
พ.ศ.2535 "สามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษาจรรยางาม"
นายชวน หลีกภัย
พ.ศ.2536 "ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม"
พ.ศ.2537 "ยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม"
พ.ศ.2538 "สืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม"
นายบรรหาร ศิลปอาชา
พ.ศ.2539 "มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด"
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
พ.ศ.2540 "รู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด"
นายชวน หลีกภัย
พ.ศ.2541 "ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย"
พ.ศ.2542 "ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย"
พ.ศ.2543 "มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรมนำประชาธิปไตย"
พ.ศ.2544 "มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรมนำประชาธิปไตย"
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
พ.ศ.2545 "เรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้สู่อนาคตที่สดใส"
พ.ศ.2546 "เรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี"
พ.ศ.2547 "รักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียนรักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน"
พ.ศ.2548 "เด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่านขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด"
พ.ศ.2549 "อยากฉลาด ต้องขยันอ่านขยันคิด"
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์
พ.ศ.2550 "มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข"
พ.ศ.2551 "สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้เชิดชูคุณธรรม"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
พ.ศ.2552 "ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี"
พ.ศ.2553 "คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม"
พ.ศ.2554 "รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ"
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
พ.ศ.2555 "สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญาคงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี"
ที่มา : สสส.