บันได6ขั้น รักยืนยาว

บันได6ขั้น 'รัก'ยืนยาว


"อ้าว! เลิกกันแล้ว"

"ดูเหมาะสมกันดีแต่ทำไมเลิกกันเร็วจัง"

"ยังเด็กอยู่เลย ไม่น่าชิงสุกก่อนห่าม"

"เราไปกันไม่ได้"

"ว้าย! ไม่น่าเชื่อ ท่าทางไม่เห็นเจ้าชู้ แต่ทำไมมีกิ๊ก"


บางส่วนของคำพูดในชีวิตผู้คนมากมายที่ล้วนเกี่ยวข้องกับความรัก จึงน่าสนใจว่าในด้านจิตวิทยานั้นความรักคืออะไร และมีองค์ประกอบอะไรบ้างที่จะทำให้ความรักยืนยาว

เข้าสู่เดือนแห่งความรัก พ.ญ.ภัทรวรรณ ขันธ์แก้ว จิตแพทย์โรงพยาบาลมนารมย์ อธิบายความรักในแง่จิตวิทยาว่า หมายถึงความผูกพันทางอารมณ์ เป็นความรู้สึกพิเศษที่คนเรามีต่อคนอื่น อันประกอบด้วย 3 ด้าน คือ 1.ด้านความรู้สึก คือความรู้สึกดีใจ ชอบ รัก ผูกพัน 2.ด้านความคิด คือคิดว่าผู้ชายคนนี้ดี คิดว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจ 3.ด้านการกระทำ เช่น การเอาใจใส่ใจดูแลคนที่เรารัก รวมถึงการสัมผัส การกอด การหอม เป็นต้น

องค์ประกอบที่จะทำให้ความรักยืนยงและยืนยาว เหมือนคำอวยพรที่ผู้ใหญ่มักพูดให้กับลูกหลานที่แต่งงานกันว่าให้รักกันอยู่กันจนแก่เฒ่า ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรนั้นมี 6 ประการคือ

1.การอุทิศตนต่อกัน Commitment คือความรับผิดชอบในหน้าที่ของกันและกัน ผู้หญิงผู้ชายเรารักกันหรือมีปัญหาต่อกัน รับผิดชอบร่วมกัน ไม่โทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งว่าใครผิด ปกป้องความสัมพันธ์คู่ของตัวเองที่เรารักกัน ไม่ให้ระบบอื่นเข้ามากระทบมาก

2.ความผูกพัน Initiative ความสนิทสนมกันแบบลึกซึ้ง เห็นอกเห็นใจ รับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายหนึ่ง เข้าใจกัน ร่วมรับรู้ถึงความรู้สึกทุกข์ ร่วมรับรู้ถึงความรู้สึกสุข

3.ต้องมีความใกล้ชิดและความห่างกันพอสมควร ใกล้ชิดในระยะที่รู้สึกว่าเราพึ่งพาคนนี้ได้ เวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วยเราพึ่งพาคนนี้ได้ แต่ห่างกันพอให้ได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่เป็นเนื้อเดียวกันไปเลย ไม่ใช่ว่าแต่งงานไปเราต้องเป็นหนึ่งเดียว คือเราต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง ใกล้ชิดกับห่างให้เหมาะสม

4.ต้องสื่อสารกันแล้วแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างกันว่าจะทำอย่างไร

5.มีความอดทน ซึ่งต้องใช้ความรักและการให้อภัย แต่ถ้าอดทนแล้วเก็บ ความอดทนจะเป็นความโกรธ ความข้องใจ สุดท้ายก็ลงท้ายด้วยการแก้แค้น แต่ถ้าเราอดทนแบบให้อภัย ด้วยความรัก มันก็จะสงบ การให้อภัยเรื่องก็จะจบๆ ไป ไม่มีการรื้อฟื้นพูดถึงอดีตความหลังฝังใจ

6.องค์ประกอบสำคัญของความรัก คือ Passion จะรักอย่างไรให้ยั่งยืน

บันได6ขั้น รักยืนยาว

สิ่งสำคัญในแรกเริ่ม คือ การรู้จักเลือกคู่ พื้นฐานจะต้องเริ่มจากการดูตนเองก่อนว่ามีวุฒิภาวะเหมาะสม เป็นผู้ใหญ่เพียงพอ และต้องเข้าใจตัวเราเองให้ดีว่าเรารักอะไร ชอบอะไร มีเป้าหมายอะไรในชีวิต

การเลือกคู่ควรเลือกคนที่มีลักษณะวิถีชีวิต การศึกษา ความชอบคล้ายคลึงกับตัวเรา ถ้าเราจะเลือกคู่ที่มีลักษณะตรงกันข้าม ก็ต้องยอมรับว่าการปรับตัวให้เข้ากันก็ยากเช่นกัน เพราะคนที่แตกต่างกันจะมีวิธีคิดไม่เหมือนกัน เมื่อมาเป็นแฟนกันหรือเป็นคู่ครองกันก็ต้องปรับ เพื่อก้าวข้ามระยะของความรักไปสู่ความยืนยาว

โดยปกติแล้วความรักจะมี 3 ระยะ ระยะที่ 1 คือ Romantic love จะมีอายุ 3-6 เดือน หรือ 12 เดือน บางคนเรียกว่าเป็นช่วงโปรโมชั่น ไม่ว่าใครก็จะต้องผ่านช่วงนี้ เกิดจากการทำงานของฮอร์โมนความสุข 4 ตัว คือ โดพลามีน เซโรโทนีน เอ็นโดรฟิน PEA ในช่วงนี้คนที่รัก กันอะไรๆ ก็จะดูดีไปหมด หวานชื่น ใครห้ามก็ไม่ฟัง

หลังช่วงนี้ไปแล้ว จะกลายเป็น Logical แล้วก็กลายเป็น Sensible love คือกลายเป็นความรักที่มีเหตุผลมากขึ้น เริ่มมองเห็นข้อที่ไม่ดี ข้อที่ฉันไม่ชอบ ข้อที่เธอนิสัยไม่ดี ทำไมทิ้งตรงนั้นอย่างนี้ ทำไมทิ้งตรงนี้อย่างนั้น โรยแป้งแล้วไม่เช็ด บีบยาสีฟันแล้วทำไมไม่เก็บ

คนจำนวนมากพอผ่านเข้าสู่ช่วงนี้ก็จะเลิกรา เพราะไม่สามารถยอมรับในการกระทำ พฤติกรรม หรือวิธีคิด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะโดยพื้นฐานแล้วมนุษย์ทุกคนย่อมรักตัวเอง และย่อมเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเอง

เมื่อรู้สึกว่าคนนี้ไม่ใช่คนที่ดีที่สุด ก็จะเบื่อหน่าย ตีตัวออกห่าง หากเข้าใจพัฒนาการของความรักก็จะเข้าใจว่าทำไมคนที่เราเชียร์จึงแยกทางกันเดิน

ระยะสุดท้ายเรียกว่า Live Long Friendship คือความผูกพันและความเป็นเพื่อนสนิทเป็นรักแท้ คู่ที่จะก้าวมาสู่จุดสูงสุดของความรักนี้จะต้องอาศัยองค์ประกอบความรักทั้ง 6 ทำให้มีวุฒิภาวะ และมีความเติบโตทางจิตวิญญาณ (Spiritual Growth)

วัยรุ่นที่รักแล้วเลิกเพราะว่ายังไม่มีวุฒิภาวะพอในการแก้ปัญหา ลดความขัดแย้ง หรือไปสร้างความผูกพัน เพราะบางทีเราไม่เข้าใจกระบวนการความรัก มันก็จะทำให้เกิดปัญหาว่าทำไมรักแล้วต้องเลิกกัน

พ.ญ.ภัทรวรรณ บอกว่าแม้ว่าเรื่องราวของความรักจะมีหลายมุมหลายด้าน เกี่ยวกับทุกเพศทุกวัย อาจจะเป็นความรักต่อตัวเอง รักต่อคนอื่น รักลูก รักเพื่อนร่วมงาน แต่หากได้เรียนรู้และทำความเข้าใจพื้นฐานธรรม ชาติของความรัก เราจะมองเห็นโลกของความรักในมิติที่กว้างขึ้น และสามารถพัฒนาความรักให้เติบโตไปได้ หรือ หากเกิดปัญหาก็จะไม่รุนแรงหรือร้ายแรงเกินไป

"ถ้าพื้นฐานความรักเราดี จะทำให้เวลาที่เราเจอความรักเราไม่ทุกข์มากจนทำร้ายชีวิตตัวเอง หรือทำร้ายชีวิตคนอื่น เพราะถ้าเราเข้าใจพื้นฐานเราจะรู้ความเป็นมาเป็นไปของความรัก

แต่เราคงบอกไม่ได้ว่า หากเรามีพื้นฐานที่ดีแล้วจุดสิ้นสุดจะอยู่ที่ไหน ความรักมีทั้งมุมที่ดีและมุมที่ไม่ดี เพียงแค่ว่าถ้าฐานเราแน่น เวลาเราล้มเราก็ไม่ล้มทั้งตึก หรือล้มเราก็ไม่เจ็บมาก หรือเวลาที่ลมพัดก็จะไม่ล้มเลย อาจจะแค่โยกเยกๆ เหมือนต้นไผ่ ถ้าฐานเราดีก็ไม่ล้มง่าย"

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์