รู้ได้ไงว่า คุณโสดนานเกินไปแล้ว

รู้ได้ไงว่า คุณโสดนานเกินไปแล้ว


คุณยังโสดอยู่รึเปล่า? และกลัวที่จะเป็นโสดมั้ย? 

          บางคนนอกจากไม่กลัวเป็นโสดแล้ว ยังยอมอยู่อย่างบัวแล้งน้ำ แต่ได้ควงกิ๊กไม่ซ้ำหน้า เพื่อทดแทนกันซะเลย โถ...ช่างเป็นไลฟ์สไตล์ หรือการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่สมัยนี้ที่ไม่รีบตัดสินใจปู้ดป้าด หาเหาใส่หัว หาเรื่องใส่ตัวด้วยการรักษาความโสดไว้ยิ่งชีพ โอ้ย...เพราะอะไรนะรึ ก็เพราะคนโสดส่วนใหญ่หวั่นใจเหลือเกินว่า ถ้าเลือกแฟนได้ไม่ดีหรือไม่ได้อย่างที่ต้องการแล้วไซร้ ย่อมสร้างปริศนาค้างคาใจไว้มากกว่าว่า แล้วจะครองคู่อยู่ กันได้ยืดรึเนี่ย

         แถมหนุ่มสาวสมัยใหม่ยังทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ ดังนั้น พอรักไม่ค่อยยุ่งก็เลยมุ่งแต่งาน เหตุนี้จึงมีคนโสดที่เข้าข่ายควรแต่งงานได้ แล้ว แต่กลับละล้าละลังและปล่อยเรื่องของหัวใจให้เป็นไปตามยถากรรม มากกว่าจะเสาะหาหวานใจมาเจ๊าะแจ๊ะเอนจอยแบ่งปันความเลิฟต่อกันไงเล่า

        คุณเริ่ม รู้สึกว่าตัวเองเป็นโสดนานเกินไปแล้วรึยัง? หากท่านใดไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นงี้ไหม งั้นมามะ มาดูสิว่า มีสัญญาณเตือนให้รู้ว่า คุณเป็นโสดนานไปแล้วนะ ดังนี้......

       1. ขาดความมั่นใจในตัวเองเวลาอยู่ท่ามกลางเพศตรงข้ามบ้างมั้ย?

        เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเดินผ่านหรือหลุดเข้าไปอยู่ในดงที่มีคนหน้าตาดี๊ดี แถมสามารถทำให้หัวใจดวงน้อยๆของคุณสั่นไหวได้ละก็ แทนที่คุณจะเข้าไปตีซี้ ทำความรู้จักเพื่อสานต่อความสัมพันธ์ด้วย แต่เปล่าเลย คุณกลับเขินหลบหน้าหลบตา ไม่กล้าสู้หน้ากับ “คนที่ควรชักชวนมารักกัน” นี่แหละคือสัญญาณ อ.ต.ร. (อันตราย) ล่ะว่า คุณอยู่เป็นโสดนานจนไม่รู้ควรทำตัวอย่างไรกับ “ว่าที่หวานใจ” น่ะสิ 

        ทว่า คนที่ใจกล้าหน้าด้านปรี่เข้าไปจะฉกผัวเขา...เอ้ย ...ฉกคนที่คุณสนใจแต่เผอิญเค้าควงแฟนมาด้วย โดยไม่สนว่าคนนั้นชอบคุณด้วยรึเปล่า แถมไม่เกรงใจแฟนเค้าอีก ก็เป็นการกระทำที่ห้าว (และคงแห้ว) ไปนะ แค่มั่นใจในตัวเองระดับปานกลางพอแล้ว ไม่ควร “มั่น” ซะจนทำอะไรห่ามๆร้อก

      2. ติดนิสัยตามใจปาก เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ

        เพราะอยู่ตัวคนเดียวมากไป ดังนั้น เวลาถูกชวนหรือคุณไปชวนใครทานอาหารก่อนก็เหอะ แต่พอถึงร้าน แทนที่คุณจะแสดงความสุภาพและให้ความสำคัญกับใครคนนั้น ด้วยการให้เค้าเป็นฝ่ายเลือกรายการอาหารที่จะสั่งก่อน หรือเทน้ำให้เค้าดื่ม ก่อนเทให้ตัวเอง แต่คุณสิ กลับไม่มีมารยาทเวลาอยู่บนโต๊ะอาหารเอาซะเลย แถมยังกินมูมมาม ชนิดไม่สนอิมเมจ (ภาพพจน์) ของตัวเองสักกะติ๊ด งั้นกลับไปติวมารยาทซะใหม่แล้วค่อยกลับมาลงสนามรักต่อ...ดีกว่านะ

      3. มัวเอนจอยกับสัตว์ เลี้ยง หรืองานอดิเรก จนไม่สนที่จะมีแฟน
       
เพราะลืมไปแล้วว่าจะบริหารเสน่ห์ของตัวเองยังไงให้ใครๆสนน่ะสิ เช่น ออกไปสังสรรค์ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ที่ครั้งนึงคุณเคยหมกตัวอยู่กับก๊วนจอมซี้เหล่านี้ แทนจับเจ่าอยู่กับเจ้าตูบแสนซื่อ และแมวจอมประจบแต่ในบ้าน หรือไม่งั้นก็ติดละครหลังข่าว, รายการแข่งขันประกวดร้องเพลงที่ฮิตจัดกันเหลือเกิน รวมทั้งหนังซีรีส์ทางเคเบิลทีวี จนไม่ยอมพลาดละก็ นี่แหละแสดงว่า เป็นโสดนานจนฝุ่นจับแล้วนะยะ

      4. แม้จีบใครได้สักคน คุณก็แค่คิดว่าเป็นกิ๊กคลายเหงาเท่านั้น ไม่ได้คิดจริงจังอะไรด้วย (เอ๊ะ หรืออีกฝ่ายไม่อยากจริงจังด้วยก็บอกมาซะดีๆ โธ่ทำแก้ตัวไปงั้น)
        
ถึงออกลีลาจีบใครสักคนมาเป็นกิ๊ก (ชนิดว่าชอบมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่รัก) ได้ แต่คุณดันทำให้ ความสัมพันธ์ครั้งนี้เดินอยู่กะที่ซะงั้น ไม่ยอมพัฒนาความสัมพันธ์ให้ก้าวหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ ปัดโธ่ ขืนเป็น “โสดไม่ยอมเปลี่ยนแปลง” นานๆเข้า คุณยิ่งไม่กระตือรือร้นเลื่อนฐานะจากกิ๊กมาเป็นแฟนกันให้รู้แล้วรู้แรด (แรดน่ะทำเป็นแต่แฟนเหรอ แปลว่าอะไรน้อ) จึงทำให้ไม่มีแฟนถาวร เป็นแค่กิ๊กประเภทอยากเจอก็โทร.ไปนัดมาพบ ถ้าอยากคุยก็คุยกันทางโทรศัพท์ แถมยังทำงี้กับเค้าในเวลาที่ตัวเองต้องการเท่านั้นซะด้วย โดยไม่สนเค้าอยากคุยด้วยรึเปล่า แต่จะตื๊อให้คุยมีไรป่ะ ไม่รู้จักเจ้าแม่ซะแล้ว 

      5. ติดเพื่อนเกินกว่าจะหาแฟนมาเป็น “คนรู้ใจ”

         เคยชินกับการอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆมาตลอดชีวิตนี่หว่า แล้วจะดิ้นรนหาแฟนไปทำมั้ย เวลาอยู่กะเพื่อน คุณทำอะไรก็ได้ ทำตัวสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเหนื่อยคอยประจบประแจงเอาใจใคร แหม้...ง่ายกว่าการอยู่กะแฟนตั้งเยอะ แถมอยู่กับเพื่อนยังไม่ต้องวางฟอร์มหรือเก๊กท่าด้วย

      6. คบคนสะเปะสะปะ และสับสนระหว่างการคบแบบเป็นคู่รัก กับคบแบบแค่รู้จักน่ะต่างกันอย่างไร? 

         เอ้าจะให้แยกคนทั้งสองกลุ่มนี้ออกจากกันได้ไง ในเมื่อคุณอยู่คนเดียวมานานจนลืมไปแล้วว่า เวลาเจอ “คนที่ใช่” แล้วจะทำให้เค้ารู้ว่า เค้าคือ “หนึ่งเดียวคนนี้ของคุณ” ได้อย่างไร...นี่สิน่าคิด เคยเห็นคนโสดบางรายพอเจอใครที่ตัวเองติดตาต้องใจปุ๊บ พอผ่านด่านทำความรู้จักกันได้ แต่ก็กลับแป้ก ไม่ สามารถทำให้เค้ารู้ใจจริงของคุณสักทีก็มี จึงติดแหง็ก อยู่แค่การเป็นคนรู้จักนั่นแหละ ทั้งที่อีกฝ่ายเตรียมยินยอมพร้อมใจแล้วเชียวนะ เชอะยังบื้อใบ้อยู่ได้

         อ้อ บอกก่อนว่า ไม่ได้ประสงค์จะชวนให้คิดมากซะหน่อยว่า เป็นโสดหรือมีคู่อย่างไหนดีกว่ากัน? ของพรรค์นี้ตัดสินใจเองได้ ไม่ต้องรอให้ใครมา “ยุ” คุณหรอก จริงไหม

thaiza

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์