หลายวันกับการหุงข้าวใหม่ วันแรกแฉะ วันต่อมากำลังรับประทาน วันนี้รีบไปนิดข้าวแข็งจนกลืนเกือบไม่ลง.. ทุกคำข้าวที่เคี้ยวกลืนด้วยความยากลำบาก ทำให้คิดถึงศิลปะในการดำเนินชีวิต
หากเปรียบผลของการดำเนินชีวิตคือข้าวสุกที่เราหุง การดำเนินชีวิตก็คงไม่ต่างอะไรกับศิลปะในการหุงข้าว เราต้องเรียนรู้ธรรมชาติของเมล็ดข้าวแต่ละพันธุ์ ทำความรู้จักคุ้นเคยให้พอเหมาะเราก็จะได้ประโยชน์ และรสกลมกล่อมอร่อยลิ้น นุ่มนวลชวนรับประทาน
หากเราไม่สนใจธรรมชาติของพันธุ์ข้าว หุงตามความเคยชิน และความรู้สึก เราก็ต้องหวานอมขมกลืนกับรสชาติข้าวสุกที่ไม่พึงปรารถนา
ทุกวันนี้เราต้องดำเนินชีวิตท่ามกลางความวุ่นวายสับสน ต้องปรับตนให้เข้ากับครอบครัวและสภาพสังคมที่เกี่ยวข้อง ต้องใช้ชีวิตในแต่ละวัน คนบางคนสามารถเรียนรู้และอยู่กับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข รู้จักแก้ปัญหานานาที่ถั่งโถมเข้ามาอย่างมีศิลปะ ขณะที่ใครหลายคนอาจระทมทุกข์เพราะยึดตนเองเป็นที่ตั้ง ผิดหวัง หม่นเศร้า ใช้ชีวิตด้วยความระทมขมขื่น และท้อแท้ในชะตากรรม...
ช่วงจังหวะของวันเวลาแต่ละนาที่ที่ผ่านไป บางคนสามารถแบ่งเวลาชีวิตในการพักผ่อน ทำงานอยู่กับครอบครัวได้อย่างเหมาะสม กลมกลืน ดูมีความสุข ขณะที่หลายคนอาจจมปลักอยู่กับหน้าที่การงานจนลืมพักผ่อน รับประทานแต่อาหารขยะจนเป็นโรคร้าย และลืมหามุมดี ๆ ให้กับชีวิต
แท้จริงทุกก้าวย่างในการดำเนินชีวิต ล้วนอาศัยศิลปะอย่างแยบยลไม่ต่างอะไรกับการหุงข้าว...ความสำเร็จของคน ไม่ใช่วัดกันที่การมีตำแหน่งหน้าที่การงานใหญ่โตมั่นคง ไม่ได้วัดกันที่ฐานะทางสังคม หากแต่วัดกันที่ศิลปะในการใช้ชีวิตนั่นคือ การแบ่งเวลาให้กับตนเองและครอบครัว การได้ทำในสิ่งที่ตนรักอยู่กับธรรมชาติเพื่อค้นหาความสงบทางใจ การได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ การเลี้ยงตนเองได้โดยไม่เดือดร้อน พอใจในอัตภาพของตนเอง การมีสุขภาพที่แข็งแรง และรู้จักแบ่งปันสิ่งดี ๆ เพื่อสังคมนั่นต่างหาก...
เมื่อไรที่ท่านสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีศิลปะ เมื่อนั้นท่านย่อมเรียนรู้การหุงข้าวอย่างไรให้มีรสชาติอร่อยหอมหวนชวนรับประทาน นุ่มนวล ละมุนลิ้น...
ท่านผู้อ่านละคะ วันนี้ท่านหุงข้าวอร่อยแล้วหรือยัง ?