เปิดมิติแก้ทำแท้งเถื่อน

       จากกรณีของดาราวัยรุ่นชื่อดัง กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในขณะนี้ ย้อนกลับไปดู สถิติเรื่องของการทำแท้งเถื่อน ปรากฏว่าหลายปีที่ผ่านมาสถิตินั้น เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องแก้ไขปัญหานี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

จากกรณีของฮาเวิร์ด หวัง อดีตนักร้องบอยแบนด์รุ่นจิ๋ว วงไจแอนท์ ที่ออกมายอมรับว่าเคยพาหมวย หรือนางสาวพิลาวรรณ อารีรอบ อดีตแฟนสาวมิสแม็กซิม 2010 ไปทำแท้ง กรณีนี้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ไม่เว้นแม้แต่ในโลกออนไลน์อย่างเว็บไซต์พันทิป ก็มีการโพสต์ข้อความต่างๆ แสดงความคิดเห็นในแง่มุมที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ต้องตั้งคำถามก็คือ ในกรณีศึกษาเรื่องของการทำแท้งเถื่อนนั้น วันนี้สังคมไทยได้ก้าวผ่านข้ามปัญหานี้ไปแล้วหรือไม่

ย้อนกลับไปดู สถิติปัจจุบัน จากการสำรวจที่เปิดเผยโดยศูนย์สร้างเสริมสุขภาพวัยรุ่นของโรงพยาบาลรามาธิบดี ในทุกๆ ปีหญิงสาวในประเทศไทย มีอัตราการตั้งครรภ์เฉลี่ยปีละ 1.1 ล้านคน โดยคลอดสำเร็จมีประมาณ 8 แสนคน ส่วนที่เหลือ 300,000 คน มีการประมาณว่า ไปทำแท้งเฉลี่ยราวละกว่า 1,000 คน

สอดคล้องกับการ ตั้งคำถามของนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือครูหยุย ว่า 20 ปีที่ผ่านมา สถิติการทำแท้งเถื่อนนั้น เพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของวัยรุ่นไทย โดยเฉพาะความไม่รู้ของผู้หญิงไม่สัมพันธ์กับผู้ชาย ท้ายที่สุดเมื่อเกิดการตั้งครรภ์ ภาระทุกอย่างจึงตกไปอยู่ที่ผู้หญิง


นอกจากนี้ครูหยุยยังได้เสนอแนวความคิดในการเปิดมิติใหม่ ให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน ว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรจะต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยการปลูกฝังความเข้าใจ เริ่มจากการเรียนรู้การป้องกันตนเองเพื่อไม่ให้ท้อง และไม่ให้ติดโรค และสร้างความรับผิดชอบทั้งสองฝ่าย ทั้งหญิงและชายอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงต้องมีการปรับแก้กฏหมาย


ในขณะที่พระมหาสมปอง ตาลปุตโต ได้กล่าวไว้ในธรรมะดิลิเวอรี่ ถึงเรื่องการทำแท้งว่า ในทางพระพุทธศาสนา มองว่าบุตรในครรภ์ แม้วันแรกของถือเป็นมษุษย์ ในการตัดสินใจว่าการทำแท้ง สมควรหรือไม่สมควร จึงเป็นเรื่องที่ต้องวินิจฉัยเป็นกรณีๆ ไป ไม่มีคำตอบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คือต้องใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ


ที่มา krobkruakao