ให้ยืมอย่างไร…ตัวเราถึงไม่เจ็บปวด

ให้ยืมอย่างไร…ตัวเราถึงไม่เจ็บปวด


ทุกวันนี้ เรื่องการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของโลก ยังคงสร้างความสับสนวุ่นวายให้กับคนธรรมดาเช่นเราทุกคน ท่านที่ต้องทำมาหากินหรืออาศัยอยู่ในโลกตะวันตกหลายๆประเทศคงทราบดี...จะทำอย่างไรได้เมื่อกลไกทุนนิยมมันบูดเบี้ยวจนเกือบล่มสลาย!

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น ลองทบทวนหวนคิดถึงเมื่อครั้งเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง หรือยุคไอเอ็มเอฟในบ้านเรา สมัยนั้นสถาบันการเงิน ธุรกิจห้างร้าน ผู้คนในบ้านเราต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ดังนั้น ก็คงเหมือนกับหลายๆประเทศที่กำลังประสบอยู่ในขณะนี้ และเมื่อรวมถึงภาวะโลกร้อนอีกก็คงปวดหัวน่าดู ส่งผลให้เกิดความเครียดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้จึงไม่อยากให้พี่น้องต้องเผชิญกับความเครียดไปมากกว่านี้ อย่างน้อยก็ทำอย่างที่อาจารย์ผมเคยสอนไว้ว่า

“ให้เราพยายามอยู่เหนือปัญหา มองปัญหาด้วยสติปัญญา อย่าเอาหัวใจไปอิงกับมันมากจนเกินไปเดี๋ยวเราจะเป็นโรคประสาทไปด้วย”

วันนี้ขอนำเรื่องเบาๆมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์และเปลี่ยนความคิดของหลายๆท่านที่กำลังเจอเรื่องไม่เป็นเรื่อง...ให้อ่านเพื่อเป็นแนวคิดในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการให้ยืมเงินแก่เพื่อนๆ หรือแก่คนรอบข้าง แน่นอนเมื่อเศรษฐกิจตกสะเก็ด มีคนตกงานเป็นว่าเล่น ดังนั้น การหยิบยืมจากเพื่อนฝูงก็จะมีมากขึ้นเช่นกัน เมื่อปีที่แล้วมีพี่น้องโทรศัพท์มาปรึกษาบอกว่า

“ไหนว่าการให้ดีกว่าการรับ และการให้ทำให้มีความสุข..แต่ฉันเพียงแค่ “ให้ยืม” เท่านั้นก็เป็นทุกข์จะตายอยู่แล้ว..”

ผมถามว่า เป็นทุกข์อย่างไร? เธอบอกว่าเพื่อนของเธอคนหนึ่งที่ผมรู้จักเหมือนกัน ขอยืมเงินไปตั้งนานแล้วไม่ยอมนำมาคืนสักที มันทำให้ฉันนอนไม่หลับ ใจมัวแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้

“ฉันต้องคอยติดตามเขาตลอดมา โทร.ไปหาก็ไม่รับสาย ความจริงเขาสัญญาจะยืมไปแค่เดือนเดียวเอง นี่ก็ผ่านไปสามสี่เดือนแล้ว เวลามายืมก็มาหาทุกเช้าหาทุกเย็น พอได้เงินไปก็หายไปเลย แบบนี้จะให้ฉันทำอย่างไร”

เมื่อได้ข้อมูลดังกล่าวก็บอกเธอไปว่า วิธีที่จะให้คนอื่นยืมแล้วเราไม่ต้องปวดหัวก็มีเหมือนกัน ตามประสบการณ์ของผมเอง เวลาใครจะมายืมเงิน ผมก็จะคิดก่อนว่าคนคนนั้นมีความจำเป็นจริงหรือไม่? หากรู้ว่าเขามีความจำเป็นจริงๆ เราก็กลับมาคิดทบทวนอีกครั้งว่าในกระเป๋าของเรามีเท่าไร หากมีหนึ่งพันบาท เขาขอยืมห้าหกร้อยเราก็ให้เขาไป โดยคิดว่าเป็นการให้เปล่าๆ เพื่อเป็นช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเวลาจำเป็น ไม่ใช่ให้เขายืม

เมื่อตัวเราเองไม่ได้คิดว่าเป็นการให้ยืม ใจเราก็ไม่กังวลถึงเรื่องนี้อีกต่อไป เพราะถือว่าได้ให้เขาไปด้วยความรัก เขาจะคืนหรือไม่ก็ไม่วิตกกังวลใดๆ หากเวลาเขาเอามาคืน เราก็เหมือนได้มาเพิ่มอีกต่างหากอีกห้าหกร้อย

“การให้”โดยที่เราไม่เดือดร้อน ที่สำคัญการให้วิธีนี้เราจะไม่คิดถึงเงินก้อนนี้อีกเลย แต่หากเรา “ให้ยืม” ใจเรายังคงจดจ่อกับเงินจำนวนนั้นอยู่และคาดหวังไปต่างๆนานา ทำให้เกิดทุกข์

วิธีนี้แหละเราไม่ต้องคอยตามหาตัวเขาให้วุ่นวาย “ เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย” (มัทธิว 6:21-พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011)

ขออย่างเดียว อย่าไปกู้หรือยืมเงินใครมาให้ความช่วยเหลือคนอื่น เพราะนั่นมันไม่ได้ทำให้เกิดความสุข สันติสุขอย่างแท้จริง มันเป็นการให้แบบมีนัยแอบแฝง ย่อมนำความทุกข์มาสู่เราอย่างแน่นอน การกู้หรือเอาเงินอนาคตมาใช้เพื่อช่วยเหลือคนอื่นนั้น ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง

และเมื่อต้นปีนี้เอง เธอคนนั้นได้โทรศัพท์มาแจ้งว่า เธอได้นำแนวคิดนี้ไปใช้...มันเกิดผลจริงๆ และเงินที่ให้เพื่อนยืมไปก็ได้กลับมาแล้ว...เหมือนมีเงินเพิ่มในบัญชีอย่างที่ว่าเลย!



ขอบคุณ : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์