พื้นฐานการแต่งหน้าง่ายๆ 7 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1
เตรียมหน้าให้สะอาด ล้างหน้าแล้ว แนะนำให้ใช้ ออย ของจอห์นสัน ชุบสำลีเช็ดหน้า 1 ครั้ง เพื่อให้ผิวชุ่มชื่นและเช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาก็ได้ (เมื่อล้างเครื่องสำอางในตอนเย็น) จะทำหรือไม่แล้วแต่สะดวกคะ (ถ้าคุณเป็นคนหน้ามันก็ไม่แนะนำให้ใช้คะ) แต่หลังจากล้างหน้าทุกครั้ง อย่าลืมเช็ด toner ด้วยนะคะ เพราะคุณสมบัติ toner จะช่วยกระชับผิว และจะเช็ดสิ่งสกปรกออกให้หมด เมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้ว ต้องเริ่มบำรุงผิวรอบดวงตาก่อนบำรุงหน้า ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เลือกให้เหมาะกับผิว ยิ่งถ้ามี UV หรือ SPF ด้วยยิ่งดี ค่าไม่ควรเกินความจำเป็น หรือถ้าหากคุณเป็นคนหน้ามัน ก็อย่าลืมครีมบำรุงประเภท ออยฟรี ลูบไล้ทั่วในหน้า หรือ ประเภท ทีโซน เหมาะกับผิวผสมที่จะมันเฉพาะบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง ใช้ลูบไล้ตามจุดทีโซนเหล่านั้น ขั้นตอนต่อไปคือการปรับสภาพผิว เพื่อให้ผิวมีสีที่เท่ากัน ใช้ครีมปรับสภาพผิว(base) หรือใช้ครีมรองพื้นเลยก็ได้ ควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมัน เพราะจะทำให้ผิวอุดตันง่าย หากมิได้แต่งหน้าไปงานก็เลือกเฉพาะครีมปรับสถาพผิว หรือแต้มครีมรองพื้นเพียงบริเวณที่มีจุดด่างดำหรือริ้วรอยหมองคล้ำก็เพียงพอ การเลือกใช้โทนสีก็ให้เหมาะกับสีผิวมากที่สุด แต่งหน้าอ่อนๆ ธรรมดาไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้คะ ใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดทั่วใบหน้า เพื่อความชุ่มชื่น (ไม่ใช้ก็ไม่ว่ากัน)
ขั้นตอนที่ 2
การลงแป้ง แนะนำให้ใช้วิธีแตะแป้งที่ตลับแล้วแตะที่หน้าให้ทั่ว ให้เหมือนการซับเหงื่อ อย่าถูแป้งไปมาบนหน้า เพราะจะทำให้แป้งผสมกับครีมต่างๆ ที่ทาลงไป ซึ่งจะทำให้หน้าด่าง ไม่เรียบสม่ำเสมอ ถ้าเป็นคนหน้ามันก็ใช้แป้งที่มี ออยฟรี ในทาชั้นนี้ ถ้าต้องการความติดทนนาน แต่ดูบางเบาก็ใช้แปรงใหญ่ๆ แตะแป้งประเภทฝุ่น ปัดที่ใบหน้าให้ทั่วอีกทีก็ได้ แป้งในชั้นนี้ เลือกโทนสีให้ใกล้เคียงสีผิวที่สุด อย่าใช้แป้งที่มีสีคล้ำกว่าผิว ถ้าต้องการให้ใบหน้ามีมิติ หรือเน้นให้น่ามอง ควรจะมีแป้งตลับเล็กๆ ขนาดทดลองติดไว้ ให้โทนสีขาวกว่าสีผิว 1 เบอร์ ใช้แปรงใหญ่แตะแป้งแล้ว ลูบไล้ตามหน้าผาก จมูก โหนกแก้ม คาง เพื่อเพิ่มความสว่างบนใบหน้า วิธีนี้ง่ายกว่าการใช้ครีมรองพื้นสองเฉดสีแต่งหน้า เพราะจะไม่สะดวกกับผู้ที่ไม่ถนัดในการเกลี่ยครีมรองพื้น
ขั้นตอนที่ 3
เริ่มแต่งหน้าจากส่วนบนของใบหน้า ไล่ลงมาเรื่อยๆ จุดแรกคือส่วนคิ้ว ใช้แปรงปัดคิ้วปัดให้เส้นคิ้วเป็นระเบียบ หากต้องการคิ้วที่เรียวงาม ก็ควรจะกันส่วนเกินออกซะก่อน หรือจะถอนออกก็ไม่ว่า ใช้ดินสอเขียนคิ้ว ระบายตามคิ้ว ไม่ต้องลงหนักมาก เพราะจะทำให้เส้นหนักแก้ไขยาก หรือถ้าต้องการคิ้วที่นุ่มนวลบางเบา ให้ใช้ดินสอเขียนคิ้วเขียนลงบนแปรงปัดคิ้วเลย แล้วใช้แปรงปัดคิ้วปัดที่คิ้วตามต้องการ ก็จะได้เส้นคิ้วที่กลมกลืนกับใบหน้ายิ่งขึ้น หากต้องการเน้นให้คิ้วเข้มขึ้นอีกนิด เทคนิคๆง่ายๆ ก็เพียงใช้แปรงมาสคาร่าที่ปัดที่ขนตาเรียบร้อยแล้ว (ให้เหลือเนื้อครีมมาสคาร่าที่ติดอยู่ที่แปรงเพียงเล็กน้อย) ปาดตามแนวคิ้วเบาๆ อย่าลงมือหนัก เพราะจะทำให้ก้อนเนื้อครีมที่แปรงติดที่คิ้วไม่น่าดูเลยคะ ถ้าพลาดไปแล้วก็ใช้คัตตอนบัดเช็ดออกแล้วกันคะ โทนสีที่เลือกใช้กับคิ้ว ก็ให้เหมาะกับสีผิวเราเองนะคะ แต่พยายามหลีกเลี่ยงสีดำนะคะ เพราะจะทำให้คิ้วลอยเด่นออกมาเกินไป และยากต่อการแต่งหน้าส่วนอื่น อันนี้แนะเป็นการส่วนตัว หากใช้สีที่ออกเทาดำ หรือม่วงแดงเข้มๆ หรือน้ำตาลเข้มๆ จะดูธรรมชาติกว่าคะ จะเลือกใช้เข้มแบบไหนก็ต้องดูให้เข้ากับเฉดสีของตา และเสื้อผ้าด้วยนะคะ
ขั้นตอนที่ 4
การแต่งตา อย่าลืมใช้ครีมปกปิดริ้วรอยที่ใต้ดวงตาก่อนนะ ถ้าไม่จำเป็นก็ตัดออกไปเลย เราควรเลือกเฉดสีที่เข้ากับเสื้อที่เราใส่ หรือไม่ก็โทนสีรวมๆ ของใบหน้า เช่น เราอยากจะแต่งหน้าออกโทนชมพู หรือโทนน้ำตาล หรือเราใส่เสื้อสีเทา สีฟ้า ก็ต้องแต่งให้เป็นโทนสีฟ้า ต้องตัดสินใจไว้ก่อน ลักษณะการแต่งดวงตา ก็ขึ้นอยู่กับพื้นผิวรอบดวงตาของแต่ละคน บางคนมีเนื้อที่มาก ทำให้เป็นรอบพับบนเปลือกตาเยอะ บางคนตาชั้นเดียว แต่ไม่ว่าจะเป็นสีใดก็ต้องเลือกให้เข้ากัน ควรจะมีเฉดสีไม่ต่ำกว่า 2 สี คือสีอ่อน และเข้ม อุปกรณ์ที่ควรจะมีคือแปรงทาตาที่เป็นหัวแปรงไว้ทาเวลาต้องการพื้นที่มาก และแปรงที่เป็นขน ใช้เวลาต้องการเน้น และเกลี่ยให้เข้ากัน เมื่อทาตาเรียบร้อยแล้ว หากต้องการเน้นดวงตาที่กลมโต ก็ให้ดินสอเขียนขอบตามาช่วยทั้งขอบตาล่างบน แต่การใช้จำเป็นต้องมีความชำนาญ มิฉะนั้น อาจทำให้อายแชโดว์ที่ทาไปแล้วหมดสวยได้ หากบางคนที่มีบริเวณรอบตาสวยอยู่แล้ว การแต่งตาก็เพียงแต่เขียนขอบตาอย่างเดียว เพื่อเน้นดวงตา โดยไม่ต้องพึ่งอายแชโดว์ก็ทำให้ใบหน้าดูกลมกลืนได้เหมือนกัน และชั้นสุดท้ายคือการปัดมาสคาร่า เลือกใช้โทนสีให้เหมาะสมกับโทนสีบนใบหน้า หากคุณมีขนตาสั้น ตรง ก็ควรใช้ที่ดัดขนตาก่อนดัดขนตาตอนปลายครั้งนึง แล้วขยับที่ดัดให้เข้าไปกลางเส้นขนตาอีกทีนึง ก็เพียงพอแล้ว อย่าขยับที่ดัดเข้าไปถึงโคนขนตา ไม่งั้นที่ถูกดัดจะเป็นหนังตาแทนได้ การดัดควรถือนิ่งไว้สักอึดใจ หรือนับ 1-10 แล้วจึงปัดมาสคาร่า ให้ปัดที่ปลายขนตาก่อน เพื่อบังคับให้ขนตาเชิดงอนขึ้น สัก 2-3 ครั้ง แล้วปัดทั้งเส้นขนตาทับอีก 1 ครั้ง หากปัดทั้งเส้นขนตาให้ตอนแรก จะทำให้ขนตาดูหนา ยาวก็จริง แต่จะยากในการบังคับให้ขนตางอนเชิดขึ้น ดังนั้นหากต้องการให้งอนงามอย่าปัดทั้งเส้น เน้นปัดแต่ปลายๆ จะได้งอนอยู่นานๆ
ขั้นตอนที่ 5
การทาปาก แนะนำให้มีพกไว้เลยหนึ่งแท่งคือดินสอเขียนขอบปากเฉดสีน้ำตาลเข้ม (สำหรับผู้ที่มีลิปสติกโทนสีน้ำตาลเยอะ) หรือสีม่วงแดงเข้ม (สำหรับผู้มีลิปสติคโทนสีชมพูหรือสีแดงเยอะๆ) เพราะปากจะดูสวย เป็นรูปได้ก็เพราะการเขียนขอบปากนี่แหละ ต้องฝึกเขียนขอบปากตัวเองให้ชำนาญมากๆ นะคะ พยายามเขียนให้เป็นเส้นขอบที่เล็กกว่าปากจริง เพราะถ้าพลาด ก็ยังมีพื้นที่พอจะตกแต่งแก้ไขได้ หากเขียนเลยขอบปากจริงออกไป จะทำให้แต่งยากและดูปากหนา ไม่สวยเลยคะ และถ้ามันเกิดขึ้นก็ใช้คัตตอนบัดลบขอบที่เกินออกมาก็ได้ ต่อไปคือการใช้ลิปสติก ลงลิปมอยส์เจอร์ไรเซอร์อย่างเช่น วาสลีน หรือลิปมันซะก่อน ทาไว้ขณะทาครีมบำรุงผิวหน้าก็ได้ เลือกใช้สีลิปสติคให้เหมาะกับโทนสีตาและเสื้อผ้า การทาก็ทารอบแรกให้ทั่วริมฝีปาก หลังทาแล้วสัก 10 วินาที ให้เม้มปาก หรือเม้มบนกระดาษทิชชู่ แล้วทาลิปสติกทับซ้ำอีกครั้ง การทาลิปสติกจากแท่งจะทำให้สีเข้มข้นและติดทนนาน หรือจะทาด้วยพู่กันทาปากก็ได้ และสีที่ทาก็จะดูบางเบา เหมาะสำหรับคนที่แต่งหน้าอ่อนๆ จะจบการทาลิปสติกแค่นี้ก็ได้ไม่ว่ากัน แต่ถ้ารักที่จะสนุกสนานไปกับสีสันบนใบหน้าของคุณ ก็ลองผสมสีของลิปสติดดูสิคะ เพราะเคล็ดลับในการทาลิปสติกให้สวย และแปลกตา ไม่ซ้ำซาก คือการผสมผสานสีของลิปสติก แน่นอนควรจะมีลิปสติกสัก 2 แท่งเป็นอย่างน้อย หากยังผสมไม่เป็นก็ต้องฝึกผสมๆ ทุกวันจนเก่งนะคะ การผสมก็เพียงแค่ทาสีที่อ่อนกว่า หรือลิสปติกที่มีความมันวาว ลงทับไปอีกที ง่ายๆ คะ โทนสีที่ออกจะเป็นที่นิยมก็จะออกเป็นแนวเมทาลิค หรือโทนออกซิลเวอร์ หรือเป็นแบบมันวาว จะทาทับสีพื้นทั้งริมฝีปาก หรือจะแต่งแต้มแค่ตรงกลางริมฝีปากล่างก็ได้ จะทำให้ปากเราดูอวบอิ่มชวนมองขึ้น การผสมสีลิปสติกจะทำให้โทนสีของการแต่งหน้าดูนุ่มนวลขึ้น เพราะหากบางคนเลือกใช้ลิปสีติกที่มีสีเข้มจัด หรือฉูดฉาดไป การผสมสีลิปสติกอีกแท่งลงเพื่อปรับโทนสีให้อ่อนลง แต่ยังคงความสดใสของสีเดิม การผสมผสานนี้ก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคและความชอบของแต่ละคนนะคะ เพราะฉะนั้นต้องไปลองทำและค้นหากันเองคะ
ขั้นตอนที่ 6
การเสริมใบหน้าให้เปล่งปลั่งด้วยการปัดแก้มด้วยบรัชออน จะทำให้ดูเหมือนคุณมีสุขภาพผิวที่ดี เหมือนผิวหลังการออกกำลังกาย ขั้นตอนง่ายๆ เพียงแค่คุณใช้แปรงปัดแก้มอันใหญ่ๆ ปัดลงบนโหนกแก้ม บริเวณใต้ปลายตาถึงจมูกลงมา ปัดเป็นลักษณะปัดลงจากปลายหางตา จนถึงแก้มตรงเสมอปีกจมูก และใช้แปรงที่เหลือไม่ต้องแตะบรัชออนใหม่ ปัดตรงขมับทั้งสองข้าง แล้วเกลี่ยให้ทั่วหน้าผาก จมูก คาง จะทำให้หน้าดูกลมกลืนกัน ไม่ลอยออกมาแค่เฉพาะโหนกแก้ม โทนสีก็แนะว่าให้มีโทนชมพู หรือแดงอิฐ เอาไว้ติดบ้านเลย เลือกดูตามแต่ผิวของคุณว่าเหมาะกับสีไหน หรือถ้าชอบแต่งหน้าโทนน้ำตาลเป็นประจำ ก็เลือกซื้อบรัชออนโทนสีน้ำตาล แต่โทนออกชมพูระเรื่อ จะดูสวยเป็นธรรมชาติกว่า
ขั้นตอนที่ 7
ในขั้นสุดท้ายสำหรับการแต่งหน้า คือการเติมไฮไลท์หรือแป้งแวววาว ถ้าแต่งหน้าปกติตอนกลางวัน ก็ลูบไล้แป้งเพียงนิดหน่อย เพื่อความสดใสของใบหน้า แต่ถ้าเป็นงานกลางคืน แป้งไฮไลท์จะแวววาวระยิบระยับดูน่าชวนมอง หรือจะเติมแต้มตามส่วนผิวหนังของร่างกาย เช่นบริเวณเหนือร่องออก แขน ก็จะดูออกเซ็กซี่ไม่น้อย การปัดไฮไลท์ให้ทั่วหน้า ก็ใช้แปรงปัดแก้มใหญ่ๆ เกลี่ยให้ทั่วหน้า และจะได้ลบแป้งหรือส่วนเกินออกจากใบหน้าได้ด้วย ใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดทั่วใบหน้าอีกครั้ง เลือกที่มีคุณสมบัติช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนาน จะทำให้การแต่งหน้าของคุณคงทนไปตลอดวัน
ขอขอบคุณที่มา : ผู้หญิงนะคะดอทคอม