แต่ละวัน มีผู้ใช้แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ โดยสิ่งเหล่านั้นมาพร้อมกับพฤติกรรมการใช้สายตาเพื่อจ้องมองหน้าจอของอุปกรณ์อย่างปฏิเสธไม่ได้
ดร.คริสติน เพอสโลว ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา เผยว่า เมื่อเราจดจ่ออยู่กับการมองอุปกรณ์ดังกล่าว จะทำให้เกิดอาการ "ลืมกระพริบตา" ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบหล่อลื่นตา เพราะโดยปกติคนเราจะกระพริบตา 12-15 ครั้งต่อนาที แต่เมื่อใช้แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน หรือแม้กระทั่งโน๊ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์ การมองหน้าจอจะทำให้กระพริบตาลดลงไปเหลือ 7-8 ครั้งต่อนาที
การกระพริบตาที่น้อยลง อาจทำให้ตาแห้งจนเยื่อตาฉีกขาด เนื่องจากสารหล่อลื่นที่ช่วยปกป้องพื้นผิวของตา ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
สำหรับอาการเยื่อตาฉีกขาด จะเห็นเงาดำเป็นจุดหรือเงาลางคล้ายหยากไย่ที่เกิดขึ้นโดยทันที หรือหากเคยเห็นอยู่ก่อนแล้ว จะเห็นเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งรู้สึกเหมือนมีไฟแลบเกิดขึ้นทั้งในเวลาหลับตาและลืมตา หรือขณะใช้สายตา เวลามองจะเห็นเงาคล้ายม่านดำมาบัง ทำให้สายตาพร่ามัว
ที่ผ่านมา ผู้ใหญ่อายุประมาน 50 ปี มักพบว่า มีอาการตาแห้งถึงร้อยละ 30 แต่ขณะนี้สามารถพบได้ในวัยรุ่นมากขึ้นด้วย ดังนั้น อาจแสดงให้เห็นว่า การจ้องมองอุปกรณ์ดังที่กล่าวมา ทำให้เกิดภาวะตาเสื่อมเร็วขึ้น ประกอบกับมีปัจจัยอื่นๆ เช่น เครื่องปรับอากาศ และแสงจากหน้าจอแสดงผลที่สว่างมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม การป้องกันอาการเยื่อตาฉีกขาด ทำได้โดยปรับลดระดับแสงสว่างหน้าจออุปกรณ์ให้พอเหมาะ ไม่ให้สว่างมากเกินไปหรือมืดไป เมื่อรู้สึกแสบตา เนื่องจากตาแห้งสามารถหยอดน้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มการหล่อลื่นในกระบอกตา.