
อึ้ง! พบหนุ่มอังกฤษป่วยประหลาด วัย 20 แต่ร่างกายแก่เท่าคนอายุ 160 ปี
คนเรานั้นเมื่อเกิดมาย่อมต้องมีแก่ มีเจ็บ มีล้มหายตายจากกันไปตามกาลเวลา แต่หากชีวิตของใครคนหนึ่งเหมือนถูกเร่งให้ต้องเดินทางไปสู่จุดสุดท้ายของชีวิตก่อนใคร ๆ ก็ฟังดูไม่ยุติธรรมเสียเท่าไหร่ แต่กระนั้น ดีน แอนดรูส์ หนุ่มอังกฤษ วัย 20 ปี ที่ป่วยเป็นโรคแปลก การเจริญเติบโตของร่างกายเร็วกว่าคนปกติถึง 8 เท่า ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ จากรายงานของเว็บไซต์เดลิเมล ระบุว่า โรคประหลาดที่ดีนต้องเผชิญนี้ เรียกว่า โพรเจอเรีย หรือ "ฮัดชินสัน-กิลฟอร์ด โพรเจอเรีย ซินโดรม" หรือโรคชราในเด็ก ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีร่างกายเล็กแกร็น ส่วนใหญ่เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย และเป็นอาการที่พบได้น้อยมาก โดยทั่วโลกมีเพียง 74 คน เฉพาะในอังกฤษมีเพียง 4 คน ซึ่งดีนก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตอนนี้ดีนมีอายุเพียง 20 ปี มีความสูง 124 เซนติเมตร และน้ำหนัก 23.5 กิโลกรัม แต่สภาพร่างกายกลับล้ำหน้าอายุไป 8 เท่า ซึ่งเท่ากับว่าตอนนี้เขามีร่างกายของคนอายุ 160 ปีเลยทีเดียว แต่กระนั้น การมีชีวิตมาจนถึง 20 ปี ได้แบบนี้ นับว่าเป็นเรื่องโชคดีสำหรับเขา ดีนถือเป็นผู้ป่วยโรคนี้ที่อายุยืนที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
"ผมไม่เคยยอมให้โรคที่เป็นอยู่นี้มาฉุดรั้งผมไว้ได้" นี่คือสิ่งที่หนุ่มคนนี้ยึดถือมาตลอดตั้งแต่ได้รับรู้ว่าเขาไม่เหมือนกับคนทั่วไป
ด้านแม่ของดีนเล่าให้ฟังว่า เธอเริ่มสังเกตว่าลูกชายคนนี้ของเธอไม่เหมือนเด็กทั่วไปตั้งแต่เขายังเป็นทารก ดีนในวัย 6 เดือน ตัวเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก เขายังใส่เสื้อผ้าสำหรับเด็ก 3 เดือนอยู่เลยด้วยซ้ำ แถมยังทานอาหารน้อยกว่าเด็กคนอื่น ๆ อีกด้วย แต่การพัฒนาด้านอื่น ๆ ของเขาก็ยังปกติ แพทย์เด็กผู้ตรวจสุขภาพเขาจึงบอกแต่เพียงว่าไม่มีอะไรน่ากังวล เขาเป็นเด็กตัวเล็กเท่านั้น และเมื่อดีนเริ่มเดินได้ตอนอายุ 18 เดือน เธอก็สังเกตเห็นว่าเขาค่อนข้างเหนื่อยเร็ว และหยุดพักบ่อย บอกว่าขาของเขาเจ็บ ซึ่งเธอก็คิดว่าเป็นเพียงเพราะเขาขี้เกียจเดินตามประสาเด็ก แต่เมื่อถึงวัยที่เขาเข้าโรงเรียน ก็พบว่าดีนไม่สามารถนั่งขัดสมาธิในชั่วโมงโฮมรูมเหมือนเพื่อนๆ ได้
และข่าวร้ายที่สุดสำหรับคนเป็นแม่ก็มาสู่เธอ เมื่อในที่สุดเธอได้รับสายตรงจากคุณหมอให้เธอไปพบว่าด้วยอาการของดีน และได้รับคำวินิจฉัยว่าลูกชายของเธอมีอาการของโรค "ฮัดชินสัน-กิลฟอร์ด โพรเจอเรีย ซินโดรม" ซึ่งเป็นโรคที่พบได้น้อยมากจนแพทย์ก็ไม่มีข้อมูลในการรักษาดูแลให้เธอได้มากนัก บอกได้แต่เพียงว่าดีนอาจเสียชีวิตก่อนที่เขาจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเสียอีก แต่กระนั้นดีนก็ยังคงใช้ชีวิตในตอนนั้นเช่นเดียวกับเด็กทั่ว ๆ ไป วิ่งเล่นและเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนตามปกติ จนเมื่อเขาอายุ 13 ปี ดีนจึงถูกย้ายมาสู่โรงเรียนพิเศษ ที่มีการดูแลดีกว่าปกติ ทั้งอุปกรณ์การเรียน และสถานที่ก็จัดไว้ให้เหมาะสมกับการใช้รถเข็นซึ่งเธอคิดว่าน่าจะเหมาะกับอาการของลูกชายในอนาคต ซึ่งผู้ที่มีอาการของโพรเจอเรียมีแนวโน้มสูงที่จะไขข้อเสื่อม มีปัญหาด้านการมองเห็น ผมร่วง และมีภาวะโรคหัวใจ แต่อย่างไรก็ตาม ดีนสามารถดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี เขายังทำกิจกรรมของโรงเรียนมากมาย และช่วยคุณครูดูแลเด็กคนอื่น ๆ ด้วย
เขาได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ต่างกับเด็กหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ไม่ว่าจะสอบใบขับขี่ เข้าเรียนโรงเรียนช่างยนต์ มีรอยสัก 4 แห่ง และเคยมีคนรัก ถึงขนาดผ่านการหมั้นหมายกันมาแล้ว เขามีกีฬาโปรดคือเล่นฮ็อคกี้ ฟุคบอล สเกตบอร์ด และปั่นจักรยาน ส่วนช่วงเวลาเดียวที่ทำให้เขาเซ็งคือเมื่อยามที่เพื่อน ๆ ชวนกันไปสวนสนุก ด้วยความสูงที่ต่ำกว่าเกณฑ์จึงไม่สามารถเล่นเครื่องเล่นหลาย ๆ อย่างได้ เขาจึงมักจะอยู่บ้านแทนเสียมากกว่า
เรื่องที่แม่ของเขาเป็นห่วงมากคือกลัวว่าดีนจะกลายเป็นหนูทดลองยาที่ยังไม่ได้รับการทดสอบ เธอปฏิเสธที่จะให้ลูกชายรับฮอร์โมนที่อ้างว่าช่วยควบคุมเรื่องการเติบโตของเขา ส่วนตัวดีนเองก็ปฏิเสธที่จะรับการผ่าตัดกรามที่เสียรูป อันเป็นผลกระทบจากการที่หูของเขาอักเสบบ่อยอีกด้วย
แต่แล้วอาการของดีนก็เริ่มฉายแววน่าเป็นห่วง เมื่ออายุ 15 เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถยกขาได้สูงอีกต่อไป ทำให้ไม่สามารถขึ้นปั่นจักรยานคันใหญ่ได้ ผมเริ่มหลุดร่วงงง่าย และเริ่มมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกอยู่บ่อย ๆ จนเมื่อปลายปี 2011 ที่ผ่านมา เขาตัดสินใจไปพบแพทย์ และได้รับข่าวร้ายว่าเขามีภาวะหัวใจล้มเหลว
ในตอนนี้ดีนจึงต้องวางมือจากกิจกรรมต่าง ๆ นานาที่เคยทำ และมาอยู่ที่บ้าน กินยาคราวละหลายเม็ดทุก ๆ วัน แต่เขาก็ยังคงมีกำลังใจที่ดีในการดำเนินชีวิตต่อไปอย่างดีเยี่ยม ทั้งยังมีพ่อและแม่ของเขาที่พร้อมจะทำให้ทุกอย่างที่สามารถทำ เพื่อให้ช่วงเวลาชีวิตที่เหลือจากนี้ไปของลูกมีความสุขที่สุด
"โรคหัวใจทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปมาก ผมไม่สามารถทำในหลาย ๆ สิ่งที่เคยทำได้อีกต่อไป แต่ผมก็ยังมีครอบครัวและเพื่อน ๆ ที่ทำให้ผมก้าวเดินต่อไปได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาไม่สามารถให้ผมได้ ผมโชคดีเหลือเกินที่ได้เป็นที่รักมากขนาดนี้"
นอกจากนี้ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เขายังไปงานสังสรรค์ระหว่างผู้ป่วยโรคโพรเจอเรีย และได้พบเพื่อนชาวอังกฤษที่ร่วมชะตากรรมเดียวกับเขาอีก 3 ราย โดยเขาได้เล่าให้ฟังว่า "ผมได้โชว์ให้พวกเขาดูว่าที่ผ่านมาผมได้ทำอะไรมาบ้าง แล้วก็ได้ให้แรงบันดาลใจกับพวกเขาด้วย"
ทั้งนี้ ไม่ว่าอาการ "ฮัดชินสัน-กิลฟอร์ด โพรเจอเรีย ซินโดรม" จะทำให้ร่างกายของ ดีน แอนดรูส์ หนุ่มอังกฤษวัย 20 ปีคนนี้ทรุดโทรมลงมากแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาได้รับเสมอมาและไม่เคยขาดก็คือกำลังใจ และความรักจากคนรอบตัว ทำให้เขากลายเป็นนักสู้ที่เข้มแข็ง


กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว