สถานการณ์โรคภูมิแพ้จากทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ผิวหนัง ตา และโรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการหลายระบบ
ผศ.พญ.อรพรรณ โภชนุกูล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประชาสัมพันธ์สมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย บอกว่า ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นโดยผู้ป่วย 40-50% เป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้มักจะป่วยเป็นโรคอื่นที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันร่วมด้วย เช่น หอบหืด 10-15% พบในเด็ก และ 5-7% ในผู้ใหญ่ ทั้งนี้พบว่า ผู้ป่วยโรคหอบหืด 60-80% มีโรคภูมิแพ้แฝงอยู่ ขณะเดียวกันผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ก็มีโอกาสเป็นโรคหอบหืดได้มากกว่าคนปกติถึง 3 เท่า
สาเหตุของโรคภูมิแพ้เกิดจาก พันธุกรรม ในครอบครัวที่มีบิดามารดาเป็นโรคหืดทั้งคู่ ลูกจะมีโอกาสเป็น 50% และถ้าบิดาหรือมารดาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นโรคหืดลูกจะมีโอกาสเป็น 25 % สารแพ้ ตัวสำคัญ ได้แก่ ไรฝุ่น แมลงสาบ หญ้า แมวและสุนัข แมลง อาหาร สิ่งแวดล้อม ปัจจุบันเชื่อว่าผู้ที่มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจะมีโอกาสเป็นโรคสูงขึ้นตามไปด้วย
อาการของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จะมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา เช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ คันหู หูอื้อ ปวดศีรษะ สูญเสียการรับกลิ่นซึ่งอาจทำให้เด็กไม่เจริญเติบโต นอกจากนี้ยังเกิดปัญหาในการนอนหลับเพราะไอเรื้อรังตอนกลางคืนและนอนกรน ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน และลดความสามารถของสมองในการเรียนรู้ของเด็ก
โรคภูมิแพ้ตายได้
สำหรับผู้ป่วยโรคหืด ซึ่งเป็นโรคที่มีอาการอักเสบเรื้อรังในหลอดลมทางเดินหายใจ มักมีอาการหอบเหนื่อยเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง โดยทั้งโรคภูมิแพ้ และโรคหืดนั้น ส่วนใหญ่เป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ที่ทำได้คือควบคุมอาการของโรคไว้
ข้อแนะนำเพื่อลด ปัจจัยเสี่ยง หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้
เช่น การซักเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนและคลุมที่นอน เพื่อขจัดและป้องกันไรฝุ่น การขจัดแมลงสาบในบ้าน ไม่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงมีขนไว้ในบ้าน หลีกเลี่ยงอาหาร ยา แมลงที่ตนเองแพ้ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ผศ.พญ.อรพรรณ กล่าวว่า สำหรับโรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการหลายระบบ เป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้เฉียบพลันซึ่งเกิดขึ้นภายในเวลา 15-30 นาทีหลังจากได้รับสารก่อภูมิแพ้ เช่น อาหาร ยา ผึ้ง ต่อ แตน และมีผลกระทบทั่วทั้งร่างกาย สามารถทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ อาการทางผิวหนัง เช่น หน้าบวม ตาบวม ปากบวม อาการระบบทางเดินหายใจ เช่น หายใจลำบาก แน่นหน้าอก หอบเหนื่อย อาการระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อาการระบบไหลเวียนโลหิต เช่น หน้ามืด เป็นลม หมดสตี ความดันโลหิตลด
โรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงที่มีอาการหลายระบบ ต้องให้การรักษาอย่างเร่งด่วน
และเนื่องจากความล่าช้าในการวินิจฉัยและรักษาอาจเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ สำหรับตัวเลขผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ชนิดรุนแรงประเทศไทยไม่ได้มีการสำรวจตัวเลขทั่วประเทศ แต่ที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติพบว่ามีผู้ป่วยมาที่แผนกฉุกเฉินประมาณ 64 รายต่อปี และมีอัตราการเสียชีวิตประมาณ 1.6% คาดว่าโรงเรียนแพทย์ต่าง ๆ ตัวเลขผู้เสียชีวิตก็คงใกล้เคียงกัน
หากผู้ป่วยมีปฏิกิริยาภูมิแพ้ชนิด รุนแรง แพทย์จะแนะนำให้ยาฉีดที่มีลักษณะเป็นปากการาคาประมาณ 4,000 บาท ให้ผู้ป่วยเข้าไม่ถึง จึงมีบางส่วนที่แพทย์แนะนำให้พกหลอด ยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณต้นขา เพราะการตัดสินใจฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อต้นขาอย่างรวดเร็วอาจจะช่วยชีวิตไว้ได้ในกรณีที่ผู้ป่วยสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง แต่วีธีการฉีดยา อาจเป็นวิธีที่ค่อนข้างยากลำบากเวลาผู้ป่วยมีอาการเฉียบพลัน อีกทั้งผู้ป่วยหลายคนก็คงไม่กล้าฉีด ล่าสุดจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้มีการทำการวิจัยโดยนำยาแบบฉีดมาประยุกต์ใช้เป็นวิธีพ่น
ด้าน พญ.ขนิษฐา นาคโพนทอง คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำการทดลองเรื่องการดูดซึมของยาชนิดพ่นในคนปกติ พบว่าเบื้องต้นได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ดังนั้นจะร่วมกับภาควิชาชีวเคมี หน่วยโรคภูมิแพ้ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ทำการวิจัยและพัฒนาต่อไป.
นวพรรษ บุญชาญ : รายงาน