ริมฝีปากเป็นอวัยวะหนึ่งซึ่งมีหน้าที่สำคัญหลายประการ ทั้งการรับประทานอาหาร การดูดน้ำมีส่วนช่วยในการออกเสียงและการพูด การแสดงอารมณ์ รวมไปถึงการเล่นดนตรีจำพวกเครื่องเป่าอีกด้วย นอกจากนี้ริมฝีปากยังมีประสาทสัมผัสรับความรู้สึกสัมผัสที่ดีมากและส่งผลต่อความสวยงามของใบหน้า เมื่อมีการอักเสบบริเวณริมฝีปาก ทำให้รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันในหลายด้าน
อาการของริมปีปากอักเสบเป็นอย่างไร
เมื่อมีการอักเสบบริเวณริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากแห้ง ลอกเป็นขุย มีอาการคันหรือแสบร้อน บางครั้งอาจริมฝีปากแตกเป็นแผล ทำให้รบกวนการรับประทานอาหารและการพูด บางรายมีการอักเสบของมุมปากร่วมด้วย
ริมฝีปากอักเสบเกิดจากอะไร
ริมฝีปากอักเสบเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งจากภายนอกและภายในร่างกาย ได้แก่
1. ผื่นแพ้สัมผัส เกิดจากการแพ้สารที่สัมผัสกับริมฝีปาก เช่น
- เครื่องสำอางค์ เช่น ลิปสติก ซึ่งการแพ้เกิดได้ทั้งจากน้ำหอม สารให้ความชุ่มชื้น สี สารกันเสีย สารกันแดด menthol หรือโลหะผสมในแท่งหรือตลับลิปสติก เป็นต้น
- ยาสีฟัน และน้ำยาบ้วนปาก เกิดการแพ้จากสารแต่งรส แต่งกลิ่น menthol เป็นต้น
- ยาทาเล็บ และเล็บ acrylic ในรายที่มีนิสัยชอบกัดเล็บ
- วัสดุอุดฟัน ครอบฟัน
- อาหารบางประเภท เช่น มะม่วง แครอท เปลือกส้ม
การตรวจยืนยันการวินิจฉัยภาวะนี้ทำได้โดยการทำ patch test หรือการตรวจภูมิแพ้ผิวหนังด้วยการปิดแผ่นทดสอบบริเวณหลังหรือต้นแขน ด้วยสารมาตรฐานในชุดทดสอบและเครื่องสำอางค์ของผู้ป่วย
2. ริมฝีปากอักเสบจากการระคายเคือง เช่น จากการเม้ม เลียริมฝีปากบ่อยๆ เนื่องจากในน้ำลายมีเอนไซม์หลายชนิดทำให้ระคายเคืองได้
3. ริมฝีปากอักเสบจากภูมิแพ้ผิวหนัง ในผู้ป่วยที่มีผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ซึ่งมีอาการคันบริเวณข้อพับเรื้อรัง และผิวแห้ง อาจมีริมฝีปากแห้งลอกร่วมด้วยได้
การดูแลและรักษา
1. หลีกเลี่ยงการเลีย เม้ม หรือแกะลอกริมฝีปาก
2. หลีกเลี่ยงสารสัมผัสที่แพ้ เช่น ลิปสติก ยาสีฟัน เป็นต้น
3. ทาสารให้ความชุ่มชื้นบ่อยๆ เช่น ขี้ผึ้งวาสลีน
4. ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ มีฤทธิ์ลดการอักเสบ ควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้หากใช้ยาไม่ถูกต้อง