น.พ.พงศ์พันธ์ วงศ์มณี รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า จากข้อมูลการใช้ยาแก้ปวดของคนไทย โดยเฉพาะ พาราเซตามอล เมื่อมีอาการปวด พบมีการใช้ในปริมาณมากและเกินความจำเป็นจนเข้าขั้นอันตรายต่อการดื้อยาและส่งผลข้างเคียงต่ออวัยวะภายในร่างกาย จึงขอประชาชนเพิ่มความระมัดระวังการใช้ยาแก้ปวดให้มากขึ้นควรรับคำปรึกษาจากแพทย์มากกว่าหาซื้อมารับประทานเอง ทั้งนี้ยาแก้ปวดแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ยาแก้ปวดที่ใช้ระงับปวดรุนแรงถึงรุนแรงมากที่สุด แต่ไม่มีฤทธิ์ลดไข้ เช่น มอร์ฟีน และทรามาดอล ยากลุ่มนี้จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง มีอาการข้างเคียงสูง โดยเฉพาะ ทรามาดอล ทำให้มีอาการคลื่นไส้ มึนงง อาเจียน กดระบบหายใจ อีกทั้งยังอาจมีอาการทางจิตประสาท และหากได้รับยาเกินขนาด จะเกิดภาวะอื่นตามมา เช่น ระบบหัวใจและหลอดเลือดล้มเหลว ชักและระบบหายใจทำงานช้าจนถึงขั้นหยุดหายใจ
ส่วนยาแก้ปวดอีกกลุ่ม คือ กลุ่มยาแก้ปวดที่ใช้สำหรับอาการปวดไม่รุนแรง เช่น พาราเซตามอล แอสไพริน ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์แก้ปวด ลดไข้ และต้านการอักเสบ แต่ไม่ควรใช้ติดต่อกันนาน ๆ โดยเฉพาะยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เนื่องจากจะมีผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ทั้งระบบทางเดินอาหาร หากใช้ยาเกินปริมาณจะเป็นพิษต่อตับ จนเกิดภาวะตับวาย และเสียชีวิตในที่สุด