ในการทำงานร่วมกับคนหมู่มาก เป็นธรรมดาที่คุณจะต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่สบอารมณ์
น่าหงุดหงิด ผิดหวัง รำคาญใจ หลายครั้งที่พอมีเรื่องขุ่นเคืองเข้ามากระทบใจอย่างกระทันหัน ทำให้คุณปรี๊ดแตกแบบยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่จนเสียลุค ซ้ำยังทำให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทวีความเลวร้ายรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก คนแต่ละคนมีจุดเดือดต่างกัน บางคนสูงมากยากที่ใครจะกวนโมโหได้
ขณะที่บางคนจุดเดือดต่ำเกินไป แค่มีคนมาขัดใจเมื่อไหร่ ก็พร้อมจะกรี๊ดใส่เขาได้เมื่อนั้นแต่ของอย่างนี้มันฝึกกันได้
ลองมาดูว่า เราจะทำอย่างไรให้จุดเดือดของเราสูงขึ้น อดทนต่อสิ่งกวนอารมณ์ได้มากขึ้น
รู้เท่าทันตัวเอง
ขั้นแรกของการฝึกความอดทนคือ เราต้องมีสติ รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง เมื่อไหร่ที่รู้สึกอยากระเบิดอารมณ์ใส่ใครให้หยิบปากกาด้ามน้อยขึ้นมา แล้วขีดเส้นหนึ่งเส้นลงบนกระดาษ ขีดลงไปทุกครั้งที่คุณรู้สึกสูญเสียการควบคุมอารมณ์ตัวเอง การทำอย่างนี้จะทำให้คุณมีสติ มีเวลาครุ่นคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นการหยุดตัวเองก่อนที่จะหุนหันพลันแล่นทำอะไรลงไป
สังเกตสิ่งเร้า
เวลาที่คุณโมโห ลองหาต้นเหตุว่ามันเกิดจากอะไร เช่น เพื่อนร่วมงานหยิบของคุณไปโดยไม่บอก เจ้านายพูดจาทำร้ายจิตใจ ลูกน้องทำงานผิดคำสั่ง ฯลฯ อะไรที่คอยกระตุ้นอารมณ์คุณ จริงแล้วมันคงมีอยู่ไม่กี่อย่างหรอก เมื่อคุณรู้แล้วว่าอะไรที่จะทำให้คุณโมโหได้ เมื่อมันเกิดขึ้นซ้ำ ก็อย่าปล่อยให้อารมณ์ของคุณตกเป็นเหยื่อมันอีก คุณคงไม่อยากเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่เต้นแร้งเต้นกาทุกครั้งที่มีคนมากดปุ่มซ้ำๆ หรอกนะ
อยู่กับลมหายใจ
ถ้าอารมณ์โกรธมันเริ่มปรี๊ดขึ้นมาแล้ว พยายามหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ ยาวๆ ทำซ้ำสักสามครั้ง นี่เป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้ของเสียในจิตใจของคุณสลายออกมากับลมหายใจจนจางหายไปได้ในที่สุด ถ้าสามครั้งน้อยไป ก็ทำซ้ำไปเรื่อยๆ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ
นับหนึ่งถึงสิบ
ถ้าการหายใจเข้าออกลึกๆ ยังเอาอารมณ์คุณไม่อยู่ เพิ่มการนับหนึ่งถึงสิบในใจเข้าไปด้วย น่าจะช่วยให้ได้ผลมากขึ้น
ออกมาจากตรงนั้น
วิธีหนึ่งที่ดีเมื่อเกิดเรื่องน่าโมโหขึ้นตรงหน้าคือ เดินออกมาจากตรงนั้นสักพัก ระหว่างนั้นก็ใช้เทคนิคสูดลมหายใจกับนับหนึ่งถึงสิบไปด้วย เมื่อใจคุณสงบขึ้นแล้วก็คิดหาทางแก้ไขปัญหา นึกบทสนทนาและหาทางออกที่ดี ก่อนจะเดินกลับไป ณ จุดที่คุณจากมา ..อย่างแม่พระ
มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ
ขณะที่คุณกำลังคลั่ง เรื่องที่เกิดมันจะดูใหญ่โตมาก ทั้งที่จริงแล้วมันอาจไร้สาระขี้ประติ๋ว อย่ายอมให้เรื่องกวนใจที่คุณจะผ่านเลยมันไปก็ได้ ต้องมามีอิทธิพลเหนือคุณ เหมือนเวลาที่เราเผลอเดินไปเหยียบขี้หมา ใช่ มันเหม็น มันสกปรก มันทำให้คุณต้องล้างรองเท้า หรืออาจต้องทิ้งรองเท้าคู่โปรดไปเลยแต่มันก็เป็นแค่ขี้หมาเท่านั้นแหละ
ทุกอย่างต้องใช้เวลา
จำไว้ว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรได้ในพริบตาเดียว ถ้าคุณตระหนักถึงความจริงในข้อนี้ คุณก็อาจจะอดทนต่อสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ถ้าเขาไม่รู้ก็จงสอนเขา
บางทีคุณหงุดหงิดเพราะคนอื่นทำงานไม่ได้ดั่งใจคุณ ถ้าเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายหรือลูกน้อง เราควรจะพูดกันได้ สอนเขา แนะนำเขา ถ้าสิ่งที่คุณต้องการให้เป็น มันจะทำให้งานออกมาดีกว่าที่เป็นอยู่ แล้วก็ให้เวลาเขาด้วย น้อยคนนักที่จะเรียนรู้ได้จากการบอกกล่าวเพียงครั้งเดียว
หาวิธีปลดปล่อย
ถ้าหากคุณเก็บกดอารมณ์โมโหไว้มากๆ วันหนึ่งคุณก็คงจะต้องระเบิดออก อย่าให้ถึงวันนั้นเลย หากิจกรรมดีๆ ทำ เพื่อระบายมันออกมาดีกว่า ไปเล่นกีฬา ว่ายน้ำ วิ่ง ตีแบดฯ ขี่จักรยานเรียนต่อยมวย ฯลฯ อะไรก็ได้ที่คุณได้ออกแรงเยอะๆ รับรองว่ากิจกรรมพวกนี้จะทำให้คุณคลายความเครียดไปได้บ้างแน่นอน
ไปนวด
การไปนวดคลายเส้นเป็นอีกหนึ่งวิธีหยุดพักจากภาวะใกล้ปรอทแตกได้อย่างง่ายดาย ช่วงเวลาสั้นๆ แค่ชั่วโมง - สองชั่วโมง ที่ได้นอนนิ่งๆ สบายๆ ไม่ต้องคิดถึงปัญหาในอดีีต ไม่ต้องกังวลถึงอนาคตจะช่วยให้คุณรู้สึกสงบและผ่อนคลายได้อย่างวิเศษ
หัวเราะบ้าง
เตือนตัวเองอยู่เสมอว่าไม่มีใครสมบูรณ์พร้อม เป็นธรรมดาที่ใครๆ จะทำอะไรพลาดให้คุณต้องโกรธ แม้แต่ตัวคุณเอง ก็ต้องเคยเป็นสาเหตุของการอารมณ์เสียของคนอื่นเช่นกัน อย่าตึงไปซะทุกเรื่องตลอดเวลา หัวเราะบ้าง ยิ้มบ้าง เร่ิมตั้งแต่ตอนนี้เลยนะ
เมตตา
แทนที่จะตอบโต้คนอื่นอย่างกราดเกรี้ยว ลองฝึกตัวเองให้หยิบยื่นความรักแม้ในเวลาที่พวกเขาทำอะไรไม่เข้าท่า บางทีพวกเขาก็อาจลืมตัวหรือไม่ตั้งใจจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดี ให้อภัยพวกเขาเถอะ ถ้าคุณทำได้ ทางออกที่ดีก็อาจอยู่แค่ก้าวเดียวข้างหน้านี้เอง
การอดทนเป็นหนทางสู่ความสงบสุข แม้จะเป็นระยะสั้น แต่ก็เพื่อจะตั้งหลักหาวิธีการแก้ปัญหาต่อไป แม้มันจะไม่ง่าย แต่เราต้องทำได้สิน่า อดทนไว้ อดทนไว้ ฮึบ! ฮืบ!