สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้สึกมาโดยตลอดว่ามัน "มีตัวตน" อยู่จริงในเวลาที่เรารักใครสักคนก็คือ "ความคาดหวัง" จะคาดหวังมากหรือน้อย มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนคนนั้นต้องการความรักแบบไหน
บางคนอยากได้ความรักที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ก็ตั้งความคาดหวังเอาไว้สูง และคอยแอบลุ้นไปพร้อม ๆ กับการ "บงการความรัก" ให้เป็นไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการ ฉันคิดว่าถ้าเปรียบคนประเภทนี้เป็นเหมือนเด็ก ก็ต้องเรียกว่าเป็นเด็กเอาแต่ใจ แต่สำหรับบางคนก็อยากได้ความรักที่เรียบง่าย อยากอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แม้จะไม่ต้องคาดหวังในตัวคนรักสูง เท่ากับเด็กเอาแต่ใจในประเภทแรก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากได้อะไรจากความรักเลย คนประเภทนี้ก็เหมือนเด็กดื้อเงียบ ดูเหมือนจะพอใจในของเล่นที่อยู่ในมือ สิ่งที่เด็กประเภทนี้ต้องการก็คือการมีของเล่นอยู่ในมือตลอดเวลา ลองถ้าวันไหนโดนคนอื่นมาแย่งไปสิ เป็นต้องได้เห็นดีกันแน่
ไม่ว่าใครจะต้องการให้ความรักของตัวเองเป็นแบบไหน สิ่งสำคัญที่สุดน่าจะหมายถึงการควบคุมตัวเองให้ได้ก่อน ไม่ใช่การควบคุมคนอื่นให้เดินตามเส้นทางที่เราเลือกไว้ เพราะต้องไม่ลืมว่า "ไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่างให้กับใครได้" การมีคนรักอยู่ข้าง ๆ กัน เป็นการ "มี" ที่ใคร ๆ ก็ย่อมรู้สึกว่ามันพิเศษและควรหวงแหน กว่าที่คนสองคนที่อาศัยอยู่บนโลกใบใหญ่ จะเดินทางมาพบกันและคิดฝันตรงกัน มันไม่ใช่เรื่องของความบังเอิญ ฉันเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ย่อมมีที่มาที่ไปด้วยกันทั้งนั้น
คนรักก็เช่นกัน ก่อนที่เขาจะมาเจอกับเรา เขาอาจใช้ชีวิตอีกรูปแบบที่เราไม่คุ้นเคย เขาอาจชอบกินผัก ในขณะที่เราเกลียดผักเข้าไส้ เขาอาจชอบดูหนังผี ในขณะที่เราชอบดูหนังโรแมนติก วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เขาอาจเป็นเพียงผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่รักการอยู่บ้าน นอนอ่านหนังสือ หรือชอบรดน้ำต้นไม้ แต่พอมาเจอเรา เขาเลือกที่จะคบเรา ก็เป็นอันว่าสิ่งที่ต้องตามมาคือการปรับตัว มันเป็นธรรมชาติของคนที่เพิ่งเจอกันอยู่แล้วว่า ต้องอาศัยเวลาในการศึกษาและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
และอันเนื่องมาจากการเรียนรู้นี่แหละ ที่ทำให้ช่วงเวลาแรกที่คบกันมันเต็มไปด้วยความสุข จากที่ไม่เคยทานผัก พอเขาฝึกให้เราหัดทานผักซะบ้าง ก็ไม่รู้ว่าความสุข ณ เวลานั้นมันมาจากไหน? จากที่ไม่เคยดูหนังโรแมนติก เขาก็ยอมพาเราไปดู...ความสุขก็โผล่มาอีกแล้ว ดูเหมือนง่ายนะ แต่มันยากตรงที่ทำยังไงจะรักษาความสุขนี้ให้อยู่กับเราได้นาน ๆ พอ ๆ กับที่เราก็อยากให้ความรักของเราเดินไปให้ไกลเท่าที่มันจะเป็นไปได้ เพราะกับบางคนก็ไม่ทันได้เตรียมรับมือกับ "ความเปลี่ยนแปลง" ที่จะเกิดขึ้น เมื่อผ่านช่วงเวลาของการปรับตัวเข้าหากัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เอาชีวิตทั้งชีวิตไปผูกติดอยู่กับอีกฝ่าย จนไม่เป็นอันทำอะไร กลายเป็นว่าโลกทั้งใบของฉันมีแต่เขาเท่านั้น เวลาแบบนี้แหละที่ "ความคาดหวัง" จะเริ่มทำหน้าที่ของมันอย่างสุดกำลัง
คนที่ "รักเป็น" เขาจะไม่กระวนกระวายกับความเปลี่ยนแปลง แต่คนที่ "รักไม่เป็น" นอกจากจะกระวนกระวายใจแล้ว ยังเป็นทุกข์หนักขึ้น เมื่อไปคาดหวังให้อีกคน "เป็น" อย่างที่เราอยากให้เขาเป็น โดยไม่สนใจว่าก่อนที่จะมาพบเรา เขามีที่มาอย่างไร ใช้ชีวิตแบบไหน โลกส่วนตัวของเขามีขนาดเท่าไหร่ วันนี้เราเบียดเอาพื้นที่ของโลกใบนั้นมาไว้กับตัวเองมากแค่ไหนแล้ว เคยถามกันบ้างไหมว่าควร "เพิ่ม" อะไร หรือ "ลด" อะไรบ้าง เพื่อที่จะรักษาความสมดุลให้คงอยู่ และต่างฝ่ายต่างได้มีความสุขอย่างแท้จริงโดยไม่เบียดเบียนกัน
แต่การรักใครสักคนแบบเด็กเอาแต่ใจ เป็นความรักที่ฉันคิดว่าน่ากลัว...เพราะนอกจากจะเป็นความรักที่สูญเสียความเป็นตัวเองแล้ว ยัง "เสี่ยง" ต่อการสูญเสียคนที่รักไปอีกด้วย ฉันเคยถามพี่ชายคนหนึ่งว่า "ถ้าพี่รักผู้หญิงสักคน พี่จะยอมเป็นทุกอย่าง และยอมทำทุกอย่างได้เพื่อคนคนนั้นไหม?" เขาตอบว่า "ไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่างสำหรับใครได้หรอก ช่วงเวลาหนึ่งอาจยอมได้ แต่ถึงวันหนึ่งก็กลับไปเป็นตัวเองอยู่ดี"
ฉันไม่รู้หรอกว่าคำตอบของพี่ชายคนนี้ถูกหรือผิด เพราะเรื่องความรักของแต่ละคนมันพูดยาก บางคนยอมได้ บางคนยอมไม่ได้ ก็เหมือนที่โลกนี้มีทั้งเด็กดีและเด็กเอาแต่ใจ ไม่ว่ารูปแบบความรักของใครจะเป็นยังไง แต่ฉันก็ขอให้ทุกคนโชคดี แต่เขาว่ากันว่า ถ้าเราคาดหวังให้น้อยลง ความสุขมันจะเพิ่มขึ้นจริง ๆ นะ
ที่มา ... ใยไหม
คาดหวังให้น้อยลง ไม่มีใครเป็นทุกอย่างได้
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!