นายสรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์ กรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก ระบุว่า การที่เด็กมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนั้นมีสาเหตุมาจาก
1.เด็กไม่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากพ่อแม่ โดยเฉพาะไม่ได้รับการฝึกฝนให้ดูแลตนเองเกี่ยวกับอนามัยเจริญพันธุ์
2.เด็กไม่มีความรักผูกพันกับพ่อแม่ ขาดความรู้สึกผูกพันเข้าถึงอารมณ์จิตใจซึ่งกันและกัน เด็กจึงไม่มีความสุขขณะอยู่ที่บ้าน รวมทั้งพ่อแม่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีเมื่อลูกอยู่บ้าน ขัดแย้งซึ่งกันและกันเป็นปกติวิสัย จนไม่สามารถสื่อสารทำความเข้าใจอารมณ์จิตใจของกันและกัน
3.เด็กไม่รู้เท่าทันอารมณ์เพศของตนเอง ไม่ตระหนักถึงภัยทางเพศเมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดอารมณ์เพศ ทั้งนี้ เพราะเด็กขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องปัจจัยที่สามารถเร้าอารมณ์เพศว่าเป็นอย่างไร ทำให้เด็กตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกกระตุ้นเร้าอารมณ์เพศโดยไม่รู้เท่าทัน
การแก้ไขป้องกันปัญหาในเรื่องนี้ ต้องเพิ่มโอกาสให้เด็กได้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์พัฒนาตนด้านต่างๆ โดยเฉพาะกิจกรรมอาสาสมัครบำเพ็ญประโยชน์
4.เด็กไม่รู้จักวางตนหรือไม่สามารถกำหนดขอบเขตในการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับเพศตรงข้ามให้สอดคล้องกับความสัมพันธ์ทางสังคม เช่น ไม่สามารถวางตนให้แตกต่างในการคบเพื่อนต่างเพศและคบในฐานะคนรัก ทั้งนี้ เพราะผู้ปกครองมักจะห่างเหินจากลูกวัยรุ่นและไม่ได้พาลูกเข้าสังคมร่วมกับตน
5.เด็กขาดการช่วยเหลือชี้แนะจากพ่อแม่ ให้สร้างทักษะในการจัดการกับอารมณ์เพศได้อย่างสร้างสรรค์แทนการมีเพศสัมพันธ์ เช่น การทำกิจกรรมที่ต้องออกกำลังกาย การท่องเที่ยว เล่นกีฬา
6.เด็กวัยรุ่นมักใช้เวลาหมกมุ่นอยู่กับตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการอยู่เฉยๆ การคิดถึงแรงดึงดูดทางเพศต่อเพศตรงข้ามของตนเอง คิดเกี่ยวกับเพศตรงข้าม ดูโทรทัศน์ เล่นเกม เข้าอินเตอร์เน็ต ฯลฯ จึงมีผลทำให้เกิดความเครียดซึ่งจะกระตุ้นฮอร์โมนเพศและอารมณ์เพศตามมา
นายสรรพสิทธิ์กล่าวว่า การสอนเด็กเรื่องเพศควรประกอบด้วย
2.สร้างเงื่อนไขไม่ให้เด็กวัยรุ่นหมกมุ่นกับตนเอง การรู้จักและเท่าทันอารมณ์เพศ ปัจจัยที่สามารถกระตุ้นอารมณ์เพศ การรู้จักหลีกเลี่ยงจากปัจจัยหรือสถานการณ์ที่สามารถกระตุ้นเร้าอารมณ์เพศ
3.ถ่ายทอดทักษะทางสังคม โดยเฉพาะรู้จักการวางตนกับเพศตรงข้าม
4.รู้ทักษะในการทำกิจกรรมทดแทนการมีเพศสัมพันธ์
ในกรณีที่วัยรุ่นเกิดปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร นายสรรพสิทธิ์ให้คำแนะนำว่า ครอบครัวทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายต้องร่วมกันรับผิดชอบเยียวยาแก้ไขและหาทางออกที่เหมาะสม มุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดสำหรับเด็กทั้งเด็กหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ เด็กชายที่ร่วมการก่อกำเนิดทารก รวมทั้งเด็กทารกที่กำลังจะคลอดออกมา
การจับให้เด็กทั้งคู่แต่งงานกันไม่ใช่การแก้ไขปัญหา เนื่องจากเด็กทั้งสองฝ่ายยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสามีภรรยารวมทั้งการเป็นพ่อแม่ ที่สำคัญคือพวกเขายังต้องพึ่งพิงผู้ปกครอง ยังต้องการเวลาและโอกาสอีกมากในการพัฒนาตนเองจนสามารถพึ่งตนเองและเป็นที่พึ่งแก่สมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว รวมทั้งรับผิดชอบดูแลอีกชีวิตหนึ่งที่กำลังจะเกิดมา
ทางแก้ไขที่ควรพิจารณาคือ
1.ความรับผิดชอบของทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย แม้จะไม่ได้แต่งงานกัน ในการผ่อนเบาภาระต่างๆ ของครอบครัวที่ตนยังต้องพึ่งพาพ่อแม่ พร้อมทั้งทุ่มเทเวลาและความสามารถในการพัฒนาตนเองด้านการศึกษาการฝึกอาชีพ ต้องรับผิดชอบในการดูแลเลี้ยงดูทารกร่วมกัน โดยมีครอบครัว ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยสนับสนุนและช่วยเหลือ
2.ความรับผิดชอบของทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย รวมถึงครอบครัวของทั้งสองฝ่ายในการแก้ไขผลกระทบที่ติดตามมา เช่น การดูแลสุขภาพอนามัยของเด็กในครรภ์และแม่วัยเด็ก การพยายามสร้างโอกาสและเงื่อนไขให้แม่วัยเด็กสามารถดำเนินชีวิตเรื่องการศึกษาการฝึกอาชีพต่อไปได้โดยไม่ติดขัด ร่วมกันแก้ไขปัญหาความกดดันจากสังคม สร้างสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ทำให้แม่วัยเด็กรู้สึกผ่อนคลาย
3.ความรับผิดชอบต่อตนเองที่ต้องเร่งพัฒนาตนเพื่อสามารถพึ่งตนเองโดยเร็ว รวมทั้งเป็นที่พึ่งของเด็กทารกได้ด้วย หากยังมีความรักผูกพันระหว่างกันเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมอาจร่วมชีวิตเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริง
4.รับการบำบัดและฝึกฝนที่จะสามารถจัดการกับอารมณ์เพศได้อย่างสร้างสรรค์แทนการมีเพศสัมพันธ์
การกระตุ้นส่งเสริมให้เด็กประสบความสำเร็จทางการศึกษา โดยเน้นไปที่พัฒนาการด้านการรู้จักคิดของเด็กจะช่วยสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาตนเองแทนการหมกมุ่นในเรื่องเพศ รวมทั้งทำให้เด็กรู้จักใคร่ครวญไตร่ตรองชั่งผลดีผลเสียก่อนจะตัดสินใจทำอะไร รู้จักวางแผนการดำเนินชีวิต ทำให้เด็กเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ