ถ้ำพระโพธิสัตว์ มีอีกชื่อว่าถ้ำพระงามหรือถ้ำเขาน้ำพุ ประกอบด้วยคูหาน้อยใหญ่ 6 คูหา คูหาที่มีภาพสลักบนผนังเป็นคูหาติดทางปากเข้า และเป็นคูหาที่มีแสงสว่างส่องถึงมากที่สุด คูหานี้มีเจดีย์ปิดทองตั้งอยู่บนฐานโบกปูน ปูด้วยกระเบื้อง เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นในสมัยปัจจุบัน ณ ผนังด้านเหนือของคูหานี้สูงขากพื้นถ้ำ 3.27 -5.25 เมตร มีภาพสลักนูนต่ำศิลปกรรมสมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 13-14 ) ขอบเขตของภาพ 3.30 x 2.08เมตร เป็นภาพที่ประกอบด้วยรูปบุคคล 6 ภาพในอิริยาบถ ที่ต่างกัน
สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นภาพตอนที่บรรดาเทพเจ้าเผ้าทูลอาราธนาให้พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเพื่อโปรดสรรพสัตว์ในโลกและเมื่อทรงแสดงธรรมก็มีเทพเข้า มนุษย์ อสูร คนธรรพ์ มาเฝ้าเพื่อสดับธรรม ดังที่มีรายละเอียดปรากฏอยู่ในลลิตวิสตระอันเป็นคัมภีร์แสดงพุทธประวัติฝ่ายมหายาน ซึ่งเข้าใจว่าความรู้เรื่องคัมภีร์นี้มีแพร่หลายในสมัยนั้น อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม สันนิษฐานถ้ำนี้ว่า “ น่าจะเป็นที่จำศีลภาวนาของนักบวชและฤาษี ภายในถ้ำโอ่โถงพอสมควร พอเป็นที่อาศัยพำนักได้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระดับที่สูงแต่ก็ไม่มีอะไรที่ลำบากแก่การดำรงชีวิต อันเนื่องมาจากบริเวณที่ตีนเขาตรงหน้าถ้ำนั้นมีธารน้ำตกเหมาะกับการตั้งหลักแหล่งพำนักอาศัยของบรรดานักบวชหรือไม่ก็ชุมชน และผู้คนที่อยู่ในที่สูงป่าเขา อาศัยผลผลิตของป่าในบริเวณนั้นหาเลี้ยงชีพ ”
ถ้ำพระโพธิสัตว์เป็นถ้ำหินอ่อนล้วน มีภาพศิลปะนูนต่ำ ดังที่กล่าวมาและมีหินงอก หินย้อย รูป ช้าง สิงโต เต่า หัวจระเข้ ลิ้นพญามัจจุราช พระปางนั่งสมาธิบนเพดานถ้ำ เพชรน้ำ (น้ำหยดลงหินเป็นประกายลักษณะคล้ายหินปะการัง) ถัดจากถ้ำพระโพธิสัตว์ คือถ้ำธรรมทัศน์ มีความยาวประมาณ 800 เมตรเศษ เป็นที่จำพรรษาของพระสงฆ์ในอดีต ภายในมีหินงอกหินย้อยรูปหัวพญานาค สันนิษฐานว่าเป็นเสาหลักเมืองเก่า
จากถนนมิตรภาพมุ่งหน้าไปทางโคราช ถึงโรงปูน 2 (ปูนนครหลวงนกอินทรี) กลับรถบนสะพานจากสะพานกลับรถถึงทางแยกระยะทางประมาณ 3 ก.ม. จะเห็นป้ายวัดถ้ำดาวเขาแก้ว ตรงสะพานลอยคนข้ามเลี้ยวซ้ายเข้าไปถึงทางแยกมีป้ายบอกให้เลี้ยวซ้ายไปวัดถ้ำพระโพธิสัตว์ จากทางแยกไปอีกประมาณ 6.5 กม. ก็ถึง