เป็นประเด็นที่หลายๆคนพูดถึงกับ Fair Usage Policy (FUP) หรือการจำกัดความเร็วในการใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในการเชื่อมต่อดาต้าเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ต เมื่อครบปริมาณการใช้งานที่กำหนดไว้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับการจำกัดปริมาณการใช้งานอย่างเหมาะสม Fair Usage Policy กัน
ทำไมต้องมีการกำหนด Fair Usage Policy
เมื่อก่อนในสมัยที่เรายังใช้ GPRS/EDGE เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ต สมัยนั้นเรายังใช้งานในปริมาณข้อมูลที่น้อย เนื่องจากการใช้งานบนความเร็วที่ไม่มากนัก บรรดาเว็บไซต์ต่างๆ ยังไม่ได้เป็น Social Network แบบทุกวันนี้ ใช้งานแค่เช็คข้อความอีเมล์พร้อมภาพไม่กี่ภาพ หรือดู Wap Site ช่วงนั้นเรายังใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบรายคิดเป็นเวลา (รายชั่วโมง) โดยนับเป็นนาที เช่นเดียวกับการคิดค่าบริการอินเทอร์เน็ตผ่านโมเด็ม 56K แบบหมุนโทรศัพท์ แต่เมื่อมีการให้บริการ 3G แบบทดลองใช้ และแบบหยวนๆใช้ (คือยังไม่ได้มีการประมูลใบอนุญาต โดยค่ายผู้ให้บริการนำคลื่นเดิมมาให้บริการ 3G) ค่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ จึงได้กำหนด Fair Usage Policy เพื่อกำหนดเงื่อนไขในการใช้งานดาต้าผ่านเครือข่าย 3G ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเพื่อการใช้งานอย่างเหมาะสม โดยกำหนดสิทธิ์ในการใช้งานตามปริมาณการรับส่งข้อมูล หากใช้งานครบตามปริมาณการใช้งานที่กำหนดแล้ว ก็ยังสามารถใช้งาน 3G ได้ โดยไม่เสียค่าบริการเพิ่มเติม เพียงแต่ถูกปรับลดความเร็วลง ทำให้เราไม่ได้ใช้ความเร็วสูงสุดตามที่เครือข่ายและตัวเครื่องรองรับ
เหตุผลที่ค่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือต้องกำหนดเงื่อนไข Fair Usage Policy ขึ้น เนื่องจากมีลูกค้านำระบบ 3G แบบไม่จำกัด (Unlimited) ไปเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยนำไปใช้งานที่ไม่เหมาะสมและผิดวัตถุประสงค์ เช่นการดาวน์โหลด Bittorrent ซึ่งมีการรับส่งข้อมูลในปริมาณมาก (เหมาะกับการใช้งานบนบรอดแบนด์หรือ ADSL มากกว่า) เมื่อมีการนำไปใช้งานในลักษณะนี้ ซึ่งกระทบต่อการใช้งานโดยรวม ส่งผลให้ผู้ใช้งานคนอื่นๆ ใช้งานได้ช้าเพราะถูกแย่งแบนด์วิธ จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดเงื่อนไขข้อจำกัดเพื่อให้เครือข่ายโดยรวม สามารถให้บริการลูกค้าทุกคนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ใครบ้างที่ต้องเผชิญกับการถูกจำกัดการใช้งานตามเงื่อนไข Fair Usage Policy
ไม่ใช่ว่าผู้ใช้บริการทุกคนจะถูกจำกัดสิทธิ์ในการใช้งานจากผู้ให้บริการด้วยเงื่อนไข Fair Usage Policy อย่างไม่มีทางเลือก เพราะการจำหน่ายแพ็คเกจ 3G ในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ซึ่งถือว่า ผู้ใช้ยอมรับการสมัครใช้งานแพ็คเกจ โดยมีการศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบแล้ว