ขั้นตอนการเวียนเทียนตามหลักชาวพุทธ

ขั้นตอนการเวียนเทียนตามหลักชาวพุทธ


การเวียนเทียน คือ การถือดอกไม้ธูปเทียนที่จุดแล้วเวียนขวา (เวียนประทักษิณ โดยให้สิ่งที่เวียนอยู่ทางขวามือของตน) รอบปูชนียวัตถุหรือปูชนียสถาน 3 รอบ ด้วยอาการสำรวมเคารพพร้อมทั้งน้อมใจระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยในขณะนั้นด้วยเป็นการแสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัยด้วยกาย วาจา และใจ อย่างสูงสุด จัดเป็นบุญกิริยาอย่างหนึ่ง

การเวียนเทียนมีความมุ่งหมายดังนี้

ที่ท่านกำหนดให้มีพิธีเวียนเทียนในวันสำคัญทางศาสนาขึ้นนั้นก็เพื่อประกาศเกียรติคุณ เทิดทูนพระคุณสมบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้สมกับที่พระองค์เป็นพระศาสดาของเทพดาและมนุษย์ทั้งหลาย เพื่อเป็นการเตือนใจพุทธศาสนิกชนให้ซาบซึ้งในพระคุณสมบัติของพระองค์และพระรัตนตรัย เจริญภาวนามัยกุศลอีกส่วนหนึ่ง ดังปรากฏตามความในประกาศคณะสงฆ์ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พุทธศักราช 2496 ใจความว่า



"การเวียนเทียนที่เรียกว่าทำประทักษิณนั้น มีความมุ่งหมายให้แสดงความเคารพต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาของพุทธศาสนิกชนทั้งปวง ด้วยการเดินให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เบื้องขวาของตน และสำรวมใจนึกถึงพระคุณของพระองค์ วาจาบริกรรมคือกล่าวพระคุณของพระองค์ตลอดเวลาที่เวียนเทียน มือถือเครื่องสักการบูชา ถือธูปเทียนดอกไม้ประนมเสมออก เพื่อให้จิตใจของตนอยู่กับพระ ไม่ส่งใจไปสู่ที่อื่นซึ่งมิใช่สิ่งที่ตนเคารพบูชาหรือมิใช่สรณะที่พึ่งสูงสุดของตน การเวียนเทียนนี้เป็นการแสดงความเคารพบูชาตามหลักวัฒนธรรมของไทย เป็นระเบียบที่นิยมปฏิบัติกันมาแต่โบราณกาล"

การบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มุ่งหมายให้ทำในวันเวียนเทียนนั้นมี 2 อย่างคือ

1. อามิสบูชา บูชาด้วยสิ่งของ เช่น ดอกไม้ ธูปเทียน เป็นต้น

2. ปฏิบัติบูชา บูชาด้วยการปฏิบัติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น เสียสละ ให้ทาน รักษาศีล เว้นจากการทำความชั่วทุจริต เว้นจากการเบียดเบียนกัน งดเว้นจากอบายมุขทางแห่งความวิบัติทั้งหลาย ไม่เสพสุรายาเมา ไม่เล่นการพนัน ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต งดเว้นจากการเที่ยวเตร่เฮฮา เว้นจากความฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย เป็นต้น เมื่อเว้นแล้วก็อบรมจิตใจ ให้สงบ ให้นิ่งด้วยการเจริญภาวนาทำสมาธิ(Meditation) หรือฟังธรรม อ่านหนังสือธรรม สนทนาธรรมเพื่อให้เกิดปัญญา เป็นต้น

เวียนเทียนเพื่อบูชาพระรัตนตรัย

การได้บูชาพระรัตนตรัยด้วยการเวียนเทียนก็ดี ด้วยการปฏิบัติบูชาตลอดวันนั้นก็ดี ย่อมเกิดผลดีต่อผู้กระทำเอง คือ

1. ได้ชื่อว่าเป็นศาสนิกที่ดี ปฏิบัติกิจทางศาสนาตามหน้าที่ที่พึงทำ แสดงถึงความไม่ย่อหย่อนทางจิตใจและศรัทธาต่อพระศาสนา

2. ได้รับความแช่มชื่นเบิกบานใจหลังจากได้ประกอบพิธีในวันนั้นแล้ว

3. ได้สั่งสมบุญบารมีอันเกิดจากการให้ทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา อันจะส่งผลให้ได้รับโภคสมบัติ รูปสมบัติ และปัญญาสมบัติสืบไป

4. ได้ทำชีวิตตนให้มีค่ายิ่งขึ้นด้วยการงดเว้นจากอบายมุข มุ่งปฏิบัติธรรมความดีเพิ่มพูนยิ่งขึ้น

5. ได้ชื่อว่าได้บูชาพระรัตนตรัยด้วยการบูชาอย่างยิ่งย่อมได้มงคลในชีวิตตลอดไป

วันสำคัญทางศาสนาวันสำคัญทางศาสนาที่นิยมทำพิธีเวียนเทียนนั้น ท่านกำหนดไว้ 4 วัน คือ

1. วันวิสาขบูชา

2. วันอัฐมีบูชา

3. วันมาฆบูชา

4. วันอาสาฬหบูชา


ระเบียบปฏิบัติในการเวียนเทียน

- เมื่อวันสำคัญนั้นๆ เวียนมาถึง ให้ทางวัดประกาศให้พระภิกษุสามเณรและชาวบ้านทราบทั่วกันว่าจะประกอบพิธีเวียนเทียนในวันไหน เวลาเท่าไร และสถานที่ไหน

- เมื่อถึงเวลากำหนด ทางวัดให้สัญญาณระฆังประชุมพระภิกษุสามเณร ทายกทายิกา พร้อมกันที่อุโบสถหรือศาลาการเปรียญแล้วแต่จะกำหนด

- เพื่อรอเวลาให้ชาวบ้านมาพร้อมกัน พระภิกษุสามเณรควรทำวัตรเย็นและสวดพระสูตรที่เกี่ยวกับวันสำคัญนั้นๆ ไปก่อน จบแล้วอาจให้ทายกทายิกาทำวัตรเย็นต่อก็ได้

การเวียนเทียน ต้องเวียนขวา 3 รอบ

การเวียนเทียนคือการถือดอกไม้ธูปเทียนที่จุดแล้วเวียนขวารอบปูชนียวัตถุหรือปูชนียสถาน 3 รอบ

- โดยทั่วไปจะมีพระธรรมเทศนาหรือปาฐกถาอธิบายพระสูตรที่สวดในวันนั้นหลังจากเสร็จเวียนเทียนแล้ว แต่ปรากฏว่าชาวบ้านจะกลับเสียเป็นส่วนมาก ที่เหลือฟังอยู่จะมีก็แต่พระภิกษุสามเณรและทายกทายิกาแก่ๆ ไม่กี่คน เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องอันนี้ ทางวัดจึงควรจัดให้มีการแสดงธรรมหรือปาฐกถาธรรมก่อนจะทำพิธีเวียนเทียน เป็นการให้ธรรมเป็นทานแก่ชาวบ้านได้ทั่วถึง ทั้งทำให้เขาได้รับประโยชน์จากการฟังธรรมโดยไม่รู้สึกตัวว่าถูกบังคับด้วย

- เมื่อพร้อมกันแล้ว หัวหน้าสงฆ์จุดเทียนและธูป ทุกคนจุดตาม (บางแห่งจุดทีหลัง) แล้วหันหน้าไปทางพระปฏิมาหรือปุชนียวัตถุปูชนียสถานที่จะเวียน หัวหน้าสงฆ์กล่าวคำบูชาเป็นวรรคๆ ตามแบบ ทุกคนว่าตามด้วยการเปล่งเสียงได้ยินชัดเจน

- ต่อนั้น หัวหน้าสงฆ์เดินประนมมือถือดอกไม้ธูปเทียนนำแถวเวียนประทักษิณ ทุกคนเดินเรียงเป็นแถวหน้ากระดาน แถวละ 2-3-4 คน แล้วแต่จะเหมาะ เว้นระยะห่างกันพอสมควร ตามหัวหน้าไปช้าๆ

- ระหว่างเดินเวียนรอบที่หนึ่ง พึงตั้งใจระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยบทว่า อิติปิ โส ภควา..... รอบที่สอง ระลึกถึงพระธรรมคุณด้วยบทว่า สวากขาโต ภควตา ธมโม.....รอบที่สาม ระลึกถึงพระสังฆคุณด้วยบทว่า สุปฏิปนโน ภควโต สาวกสงโฆ.....

- เมื่อครบสามรอบแล้ว นำดอกไม้ธูปเทียนไปวางหรือปักไว้ ณ ที่ที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ แล้วเข้าไปยังสถานที่ประชุมอีกครั้งหนึ่ง กราบพระ 3 ครั้งแล้วสวดบทแผ่เมตตา กรวดน้ำอุทิศส่วนบุญ กราบพระอีก 3 ครั้ง เสร็จพิธี

- ถ้าไม่ได้ทำวัตรสวดมนต์หรือเทศน์ก่อนทำพิธีเวียนเทียนจึงเมื่อเวียนเทียนแล้วควรทำวัตรสวดมนต์และมีเทศน์ในตอนนี้

การเวียนเทียนให้นึกอยู่เสมอว่าวันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ เป็นวันสำคัญของศาสนา

ข้อเตือนใจในการเวียนเทียน

เพื่อให้พิธีกรรมนี้เกิดความเรียบร้อย เป็นแบบแผนที่ดีของอนุชน และเกิดผลดีแก่ผู้ปฏิบัติอย่างแท้จริง ในขณะที่เวียนเทียนจึงควรคำนึงถึงข้อต่อไปนี้

- ให้นึกอยู่เสมอว่าวันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ เป็นวันสำคัญของศาสนา เป็นการแสดงความเคารพบูชาตามหลักวัฒนธรรมไทย จึงต้องปฏิบัติให้ถูกระเบียบแบบแผนอย่าแสดงกิริยาวาจาคะนองอันส่อถึงความไม่เคารพเช่นส่งเสียงอึกทึกโวยวาย โห่ร้อง เย้าแหย่หยอกล้อกันควรเดินด้วยอาการอันสงบ สำรวมมือเท้าและปากในขณะเดินเวียนเทียน

- ขณะเดินเวียนเทียนควรเว้นระยะให้ห่างกันพอควร อย่าให้ไฟธูปเทียนลวกลนผู้อยู่ใกล้ตน หรือทำเทียนหยดใส่หลังผู้เดินข้างหน้าตน เป็นการรบกวนผู้ที่ตั้งใจสำรวมจิตให้สงบด้วยการระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยอยู่ให้ได้รับความเดือดร้อนรำคาญ เป็นการตัดหรือขัดขวางการทำความดีของผู้อื่น

- ผู้ใหญ่ที่เป็นครูบาอาจารย์ บิดามารดา หรือผู้ปกครองควรแนะนำตักเตือนหรือควบคุมศิษย์ลูกหลานหรือคนในปกครองของตนให้ปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามระเบียบในการเวียนเทียน อย่าให้ประพฤติผิดระเบียบ อันเป็นการสร้างความรำคาญแก่ผู้อื่น และเป็นการทำลายวัฒนธรรมของชาติของศาสนาเป็นที่น่าละอายแก่คนต่างชาติต่างศาสนาอย่างมาก

- ผู้มีอำนาจและผู้ใหญ่ควรจะได้ทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดี ด้วยการไปร่วมประกอบพิธีกรรมนี้ด้วยตนเองพร้อมทั้งชักชวนให้ผู้น้อยไปร่วมด้วย จักเป็นการปลูกฝังนิสัยรักประเพณีวัฒนธรรมไทยแก่อนุชนไทยได้ดีกว่าการชักชวนให้ทำเพียงอย่างเดียว


ขอบคุณข้อมูลจาก www.dmc.tv



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์