เลื่อนสถานะจาก กั๊ก เป็น รัก
คุณส่งข้อความถึงกันไปมา ค้างคืนด้วยกันอยู่บ่อยๆ แถมยังรู้จักเพื่อนๆ ของกันและกันอีกด้วยทุกอย่างดูดีไปหมด
เสียอยู่อย่างเดียวคือ เขายังไม่ได้เป็นแฟนของคุณ "อย่างเป็นทางการ" เรามีวิธี....
เมื่อไม่นานมานี้ เคต วัย 27 ได้ออกไปดินเนอร์กับเควิน หนุ่มที่เธอกำลังดูๆ อยู่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา "เมื่อเราออกจากร้านอาหาร ฉันแอบได้ยินพนักงานเสิร์ฟพูดกับเควินว่า ขอให้คุณและแฟนมีความสุนในค่ำคืนนี้นะครับ" เธอย้อนนึก "ฉันไม่ใช่แฟนเขา ตอนนั้นเลยดูเป็นช่วงที่น่าอึดอัด เราไปร้านนั้นอยู่บ่อยๆ พวกพนักงานเลยคิดไปว่าเราเป็นแฟนกัน สิ่งที่เราทำกันอยู่ทำให้ฉันคิดได้ว่า มันน่าหงุดหงิดใจแค่ไหน ที่เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันจริงจังเสียที ทั้งที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ่อยๆ"
จากผู้เชี่ยวชาญ สถานการณ์แบบนี้ มีความสัมพันธ์ร่วมกันโดยที่ยังไม่ได้มีข้อผูกมันที่จริงจัง กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดมากขึ้นเรื่อยๆ "ฉันเห็นผู้หญิงมากมายที่กำลังอยู่ระหว่างสถานะของการออกเดทแบบทั่วๆ ไป กับการเดทกันแบบผูกขาด แล้วดันไม่รู้ว่า จะออกจากสถานะนั้นอย่างไร" ดร.เจนน์ เบอร์แมน นักบำบัดในรายการ Couples Therapy ของช่อง VH1 และนักจัดรายการวิทยุคอสโมฯ "Love and Sex Show With Dr. Jenn" คุณอาจเรียกมันว่า ความสัมพันธ์แบบกั๊กและแบ่งออกเป็นลักษณะย่อยๆ ได้สองลักษณะ หนึ่งคือ คุณอยากอัพสเตตัสให้เขามาเป็นแฟนและพวกที่คบฆ่าเวลาเพื่อรอคนที่ดีกว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นกลุ่มไหนก็แล้วแต่ คำแนะนำนี้จะครอบคลุมหมด
ทำให้ถูกครรลองคลองธรรม
อย่างกรณีของเคต มันน่ารำคาญใจที่จะลงเอยกับเขาให้ได้ อาจเป็นเรื่องยากที่จะพูดหรือร้องขอในสิ่งที่คุณต้องการ โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังอยู่ในสถานะ "มากกว่าเพื่อนแต่น้อยกว่าแฟน" มาหลายเดือนแบบนี้ "สาวๆ หลายคนกลัวว่า ถ้าพูดออกไปแล้วจะดูเหมือนเป็นการออกคำสั่ง" เบอร์แมน กล่าว "แต่ถึงกลัวแค่ไหน คุณก็ต้องกล้าที่จะทำ" คุณจะได้ฟังคำตอบที่ลื่นหูกว่าถ้าเริ่มพูดในเชิงบวก เช่น "สิ่งที่เราเป็นอยู่ ฉันรู้สึกดีมาก แต่ถ้าเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ฉันก็อยากรู้ว่าเราอยู่ตรงไหนของกันและกัน ปกติเมื่อมาถึงขั้นนี้กันแล้ว ฉันอยากให้มันเป็นการผูกมัด"
ทิ้งไม้ค้ำยันนั้นซะ
อีกปลายทางหนึ่งของความสัมพันธ์ขั้น "เกือบ" คือการใช้เขาเป็นหลักประกันชั่วคราวนั้น "คุณรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่เหมาะกับคุณที่สุด แต่คุณก็ยังรู้สึกดีเวลาที่อยู่กับเขา" ดร.เด็บบี้ แมกริดส์ นักเขียนร่วมของ All The Good Ones Aren't Taken กล่าว "คุณคิดไปว่ามันคงไม่เป็นไรที่จะยื้อเขาไว้จนกว่าจะเจอใครคนที่ใช่กว่า แต่เมื่อคุณทำตัวเองไปวุ่นวายกับอะไร แบบนั้น คุณยิ่งทำให้ตัวเลือกที่ว่า "ใช่" ห่างหายออกไป"
ลองคิดดูว่า คุณออกไปส่องหนุ่มกับเพื่อนคนหนึ่งแต่หลังจากดื่มไปหนึ่งแก้ว คุณก็คิดว่าบาร์นั้นเต็มไปด้วยกับระเบิดจึงพอแค่นั้นก่อน แล้วมันยังไงน่ะเหรอ? คุณก็มีคนไปดินเนอร์ด้วยในคืนต่อมาน่ะสิ แต่ใครจะไปรู้ว่าคุณจะได้เจอใครบ้าง แล้วอะไรที่รั่วไหลออกไปอาจกระทบหูเขาจนทำให้เขาถอยกลับ "คุณต้องตัดไฟแต่ต้นลม ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้กับตัวคุณเอง" แมกริดส์แนะนำ
ข้ามขั้น "เกือบ" ปฏิเสธเขา ไม่ให้เจ๊าะแจ๊ะกับคุณแบบแฟน (อย่างการเข้าหาคุณตลอดเวลา) แล้วเขาจะรู้สึกอยากทำอะไรให้จริงจังเสียที
จากนิตยสาร COSMOPOLITAN
ฉบับเดือนกรกฎาคม 2555