เทคนิคมีสุขกับชีวิตในวัยทำงาน
หากคุณเคยอ่านสัมภาษณ์บุคคลเหล่านี้ตามหน้านิตยสาร แล้วสังเกตดีๆ จะเห็นได้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการงานและครอบครัวหลายๆ ท่านมีหลักในการใช้ชีวิตคล้ายๆ กัน ซึ่งประกอบไปด้วย 4 อย่างต่อไปนี้ที่ทำให้ชีวิตงานและส่วนตัวสมดุลและมีความสุข ได้แก่
- มีสุขภาพกายที่แข็งแรง สุขภาพใจที่ดี รักษาอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ
- ได้ทำงานที่มีความหมายต่อตัวเองและมีประโยชน์ต่อคนอื่นๆ
- มองเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ดีต่อคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ลูกน้อง ญาติพี่น้อง คนในครอบครัว เพื่อนฝูง และไปร่วมกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอด้วยความจริงใจ
- มีเวลาหาความสงบเป็นส่วนตัวให้กับตัวเอง ที่จะได้คิดถึงสิ่งที่ตัวเองได้ทำมา ความพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ บทเรียนที่ได้รับจากความผิดพลาด และความท้าทายที่ยังรออยู่ข้างหน้า ที่ไม่ใช่ความทะเยอทะยานอยากได้อยากมีอยากเป็นในสิ่งที่เกินเอื้อม
ถ้าคุณสามารถสร้าง และรักษาสิ่งต่างๆ ทั้ง 4 ข้อนี้ได้อย่างสม่ำเสมอ เชื่อสิคะว่าคุณจะมองโลกและงานตรงหน้าได้สดใสขึ้นมากทีเดียว เหมือนได้ชาร์จแบตเตอรี เติมพลังให้ชีวิตทุกวัน
วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่ามากกว่าการอยู่ไปวันๆ
คุณจะรู้สึกว่าสิ่งที่อยู่นั้นมีความหมาย เมื่อมันนำไปสู่เป้าหมายที่คุณตั้งใจอยากมีอยากเป็น ดังนั้นการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ที่คุณทำในแต่ละวันควรจะสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตที่คุณต้องการไปให้ถึงด้วย บางคนยังนึกไม่ออกว่าตัวเองอยากทำอะไร ไม่เป็นไรค่ะ มาเริ่มคิดกันเลยตั้งแต่วันนี้ ลองหาสมุดเล่มเล็กๆ มาสักเล่ม แล้วหยิบปากกามาตั้งต้นบันทึกความรู้สึกของคุณดู
- อะไรที่คุณคิดว่าสำคัญที่สุดสำหรับชีวิต? ลองสมมติว่าหากคุณมีเวลามีชีวิตอยู่หลังจากนี้เพียง 1 ปีเท่านั้น คุณอยากจะทำอะไรมากที่สุด และจะทำให้สิ่งที่คุณอยากทำบรรลุได้ด้วยวิธีไหนบ้าง? ลองพิจารณาว่าแผนนี้ต่างไปจากสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่จริงในปัจจุบันหรือเปล่า และมีอะไรที่อยากเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้บรรลุแผนนี้หรือไม่ อย่างเช่น หากคุณรู้สึกว่าครอบครัวสำคัญที่สุด แล้วคุณใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากน้อยเพียงพอแล้วหรือยังในแต่ละวัน
- แผนการในอนาคต ลองสมมติตัวเองว่าตอนนี้คุณกำลังฉลองวันเกิด 80 ปีแวดล้อมด้วยครอบครัวและเพื่อนฝูงที่รักคุณ และกำลังพูดคุยกันถึงชีวิตที่ผ่านมา แล้วให้คุณจดลงไปว่าคุณอยากจะรื้อฟื้นความทรงจำเรื่องไหนมาพูดถึงบ้าง แล้วย้อนกลับมาดูว่าทางที่คุณเดินอยู่ทุกวันนี้จะไปสู่สิ่งที่คุณหวังไว้ในอนาคตหรือไม่ แล้วคุณได้ลงมือทำมันหรือยัง
หากยัง จะมีทางไหนที่จะทำให้คุณชยับไปใกล้กับความมุ่งหวังนั้นหรือไม่ อย่างเช่น หากคุณใฝ่ฝันว่าชีวิตนี้อยากเดินทางท่องเที่ยวไปเห็นโลกกว้าง ก็เริ่มต้นออมเงินแล้วลองหาจังหวะดีๆ วางแผนลาหยุดไปเที่ยวสักที หรือหากอยากก้าวไปนั่งตำแหน่งผู้จัดการแผนก ก็ลองขอโอกาสรับผิดชอบโครงการใดสักชิ้นที่จะทำให้หัวหน้างานคุณมองเห็นความสามารถในตัวคุณบ้าง เป็นต้น
อย่าลืมว่าชีวิตนี้เป็นของคุณนะคะ จะเดินไปทางไหน สุขหรือทุกข์อย่างไรมีคุณเท่านั้นที่เป็นคนกำหนดได้ดีที่สุด ไม่ใช่ใครอื่นเลย