คอเสื่อม...รักษาได้ ไม่ผ่าตัด

                   แต่การรักษาด้วยศาสตร์ของแพทย์แผนจีนก็ยังเป็นที่นิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะคนไข้ที่กลัวการผ่าตัด หรือการกินยาสมัยใหม่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ดังนั้น แพทย์แผนจีนจึงอาจเป็นอีกทางเลือกในการไม่ผ่าตัด โดยการใช้มือจัดกระดูกและฝังเข็มรักษาโรค

                  ทั้งนี้คุณคิงส์ตัน ชี ฮาว อุย (Kingston Chee How Ooi) แพทย์ฝังเข็มจากคลินิกการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนจีน (OOI CLINIC THAI AND CHINESE MEDICINE) เปิดเผยว่า "คนไข้ส่วนใหญ่ที่มารักษาด้วยการฝังเข็มส่วนใหญ่มักเป็นผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติในระบบประสาทต่าง ๆ เช่น อัมพาต โรคสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน (Parkinson) เด็กสมองพิการ (cerebral palsy) ออร์ทิสติก (autistic) ไมเกรน ลดน้ำหนัก ฯลฯ แต่ที่พบบ่อยขึ้นในปัจจุบัน คือโรคคอเสื่อม"

                 คอเสื่อม โรคฮิตของคนสมัยใหม่ ซึ่งคุณหมออุยอธิบายว่า โรคนี้คนเป็นกันมากในปัจจุบัน เพราะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น ชอบนอนบนเก้าอี้เอนนอน นอนดูทีวี นอนบนเก้าอี้แบบชายหาด นอนหนุนหมอนสูงแล้วดูทีวี หรือนั่งคร่อมตลอดเวลา ซึ่งโรคคอเสื่อมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เป็นตั้งแต่กำเนิด และเป็นจากพฤติกรรม

                 ทำตัวเอง โดยเฉพาะคนที่ชอบนอนดูทีวีมักมีปัญหาคอเสื่อม เพราะว่าองศาที่นั่งผิดปกติที่ถูกต้องคือ ต้องให้จอทีวีอยู่ในระดับพอดีกับสายตา จะทำให้คอไม่มีปัญหา ง่าย ๆ ก็คือ ลองหลับตานอนลง แล้วลืมตาจะมองเห็นฝ้าเพดานใช่มั้ย แสดงว่าจอทีวีควรอยู่ที่ฝ้าเพดาน แต่เมื่อเรามองจอทีวีที่ตั้งไว้ก็ต้องยกคอขึ้นหรือเอาแขนยันคอขึ้นมาดู หรืออยู่บนเก้าอี้ แต่มองไม่เห็น ก็ต้องแหงนมอง พฤติกรรมเหล่านี้เห็นได้เด่นชัด

                พฤติกรรมเพี้ยน สาเหตุของคอเสื่อม พฤติกรรมที่ไม่ถูกสุขลักษณะดังกล่าวมีผลทำให้กระดูกของเราคด หรือพัฒนาเป็นแคลเซียมไปเกาะตามคอ หรือทำให้กล้ามเนื้อคออักเสบ หรือทำให้คอเสื่อม เช่น บางคนอายุ 30 กว่า มีปัญหาคอเสื่อม เนื่องจากนั่งทำบัญชีนาน ๆ ประมาณครึ่งวัน

    แนวทางแก้ไขตามหลักการแพทย์แผนจีน

ขั้นแรกจะเน้นเรื่องการให้ความรู้กับคนไข้ก่อนการรักษา เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควรรู้ว่าอะไรควรทำ และอะไรไม่ควรทำ สำหรับเด็กที่มีปัญหาคอเสื่อมก็จะสอนให้พ่อแม่กลับไปสอนลูกให้ทำที่บ้าน

    ใช้มือปรับกระดูกให้เข้าที่และฝังเข็ม เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

ปัญหาส่วนใหญ่คือ หลังการรักษามักกลับไปมีพฤติกรรมแบบเดิม ๆ ก็จะมีอาการคอเสื่อมอีก ทั้งนี้อาการเสื่อมของคอจะมีผลกระทบกับจอประสาทตา ไมเกรน หู เส้นประสาทอักเสบ มีปัญหาเกี่ยวกับกราม ทำให้กรามแข็งตลอดเวลา บางคนเคี้ยวอาหารไม่ได้เลย บางคนอาจมีอาการตากระตุก ประสาทตาอักเสบหรือบริเวณใบหน้าอักเสบ หรือบางคนอาจมีอาการปากกระตุกตลอดเวลา ซึ่งปัญหาดังกล่าวล้วนเกิดจากปัญหาของคอและกระดูกคอเสื่อม หรือบางคนเป็นที่กลางคอ ที่พบบ่อยคืออาการแขนขา ยกแขนไม่ได้ หรือปวดแขนตลอดเวลา

    วิธีรักษา

ใช้วิธีจัดกระดูกด้วยมือโดยการพิจารณาคอและองค์รวมของกระดูกคอ กระดูกช่วงเอว หรือถ้าเอวมีปัญหาก็จะจัดกระดูกกลางหลังให้ตรงก่อน จะตรวจโดยการใช้นิ้วสัมผัสคนไข้ เพื่อดูว่ากล้ามเนื้อส่วนไหนมีปัญหา กระดูกส่วนไหนตรงหรือไม่ตรง เมื่อใช้มือจัดกระดูกเสร็จก็จะฝังเข็ม เพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และสอนท่าบริหารให้กล้ามเนื้อแข็งแรงเพื่อกระชับกระดูก

    ท่าบริหาร

สำหรับคนที่มีปัญหาไหล่ โดยเฉพาะคนที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ควรหยุดพักบริหารบ่อย ๆ ยืนเอามือประสานกันไว้ด้านหลัง แล้วยกมือจากข้างหลังขึ้น คอจะค่อย ๆ เงยขึ้น จะรู้สึกตึงที่ไหล่และแขน กลั้นหายใจไว้ 5 วินาที

    เทคนิคการฝังเข็ม

การฝังเข็มสามารถรักษาโรคได้มากกว่า 50 ชนิด ซึ่งโดยรวมจะใช้ทั้งการจัดกระดูกและฝังเข็มรวมกัน ทั้งนี้การฝังเข็มขึ้นอยู่กับเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ฝังเข็ม แต่ละคนว่าจะหมุนซ้าย หมุนขวา เข้าลึกหรือตื้นแค่ไหน ปกติจะฝังเข็ม 10 ครั้งต่อคอร์ส

ข้อเตือนใจ ไม่ควรเล่นไอแพดหรือมือถือนานเกินไป เพราะหลังการรักษาแล้วกลับไปก้มคอเล่นบ่อย ๆ ก็จะกลับมาเหมือนเดิม

   Tips

ฝังเข็มควบคุมน้ำหนัก เป็นวิธีสร้างการเผาผลาญ สิ่งที่แพทย์แผนจีนจะพิจารณาคือดูพฤติกรรมของคนไข้ว่ามีปัญหาเรื่องการเผาผลาญมั้ย เช่น อายุมากขึ้นทำให้การเผาผลาญช้าลง ชอบกิน กินบ่อย กรณีนี้แพทย์แผนจีนจะวิเคราะห์ปัญหาของคนไข้ เพราะคนที่ชอบกินหรือกินบ่อย ตามหลักการของแพทย์จีน เรียกว่า กระเพาะร้อนหรือม้ามร้อน เห็นอะไรก็อยากกิน คนกลุ่มนี้จะชอบกินของหวาน พอกินของหวานเสร็จก็หิวต่อ หรือบางคนอ้วนแล้วบอกว่าไม่ค่อยกินอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้วเขากินคาร์โบไฮเดรตครั้งเดียว 2,000 แคลอรี่ หรือกินแต่ผลไม้เพื่อลดน้ำหนัก แต่กลับอ้วนเอา ๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าผลไม้มีน้ำตาลฟรุคโตสซึ่งให้พลังงานสูง การรักษาด้วยวิธีฝังเข็มในกรณีนี้ ก็เพื่อสร้างพลังงานเผาผลาญให้มากขึ้น และให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน