รอบเอวกับมะเร็ง!

รอบเอวกับมะเร็ง!


ความอ้วนไม่ได้เป็นเพียงศัตรูร้ายที่ทำลายบุคลิกภาพ แต่ยังส่งผลเรื่องสุขภาพทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะโรคอ้วนลงพุง หรือ Metabolic Syndrome


 ซึ่งผู้ที่เข้าข่ายต้องระวังโรคดังกล่าว คือผู้ชายที่มีรอบเอว 90 ซม.ขึ้นไป และ 80 ซม.ในผู้หญิง ซึ่งไขมันในช่องท้องที่มากเกินเกณฑ์ปกติ จะกระตุ้นให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน ทำให้ตับไม่สามารถยับยั้งการสร้างกลูโคสได้จึงส่งผลในเรื่องน้ำตาลในเลือดสูงและยังทำให้เกิดกรดไขมันอิสระที่นำไปสู่โรคเบาหวานในที่สุด

ผลการวิจัยพบว่า ผู้ที่เป็นโรคอ้วนลงพุงจะมีโอกาสเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดมากกว่าคนปกติถึง 2-3 เท่าตัว นอกจากนั้นยังมีงานวิจัยจากอิมพีเรียลคอลเลจในกรุงลอนดอน ที่ออกมาเตือนว่า ทุกๆ 1 นิ้วของรอบเอวที่เพิ่มขึ้น จากเกณฑ์ที่เหมาะสมจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ 3%และยังมีงานวิจัยอีกหลายสถาบันที่บ่งชี้ว่าไขมันส่วนเกินมีผลต่อการเกิดมะเร็งอีกหลายชนิด เช่น มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกมะเร็งถุงน้ำดี มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งเต้านม ฯลฯ

แม้จะรู้ดีว่าความอ้วนและรอบเอวมีผลต่อสุขภาพ แต่หลายคนก็ยังไม่สามารถเอาชนะความอ้วนได้ อันเนื่องจากอุปสรรคนานัปการไม่ว่าจะเป็นอายุเยอะลดยาก ระบบเผาผลาญไม่ดี ไม่มีเวลา ไม่สะดวกออกกำลังกายเป็นต้น ความจริงการลดความอ้วนต้องเริ่มที่ความตั้งใจ แต่ถ้าลดยากหรือลดไม่ลงจริงๆ นวัตกรรมทางการแพทย์ก็ยังมีให้เลือกสรร ตั้งแต่การดูดไขมันไปจนถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เลเซอร์ คลื่นวิทยุ(Radio Frequency) แสงอินฟราเรด คลื่นอัลตราซาวด์และอีกมากมายให้เลือกตามความเหมาะสม

แต่ก่อนที่จะรู้ว่าควรใช้เครื่องมือตัวใดจึงจะให้ประสิทธิภาพดีที่สุดควรเริ่มจากการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมถึงการใช้แนวทางใหม่ในการวิเคราะห์สัดส่วนที่นำเอาระบบคอมพิวเตอร์ ST มาใช้เพื่อการวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดและชัดเจนยิ่งขึ้น ระบบ ST นี้จะนำเอาน้ำหนัก ส่วนสูง สัดส่วนต่างๆ มาประมวลผลกับอายุและโครงสร้าง แล้วประเมินผลออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ของมวลน้ำ มวลไขมัน และมวลกล้ามเนื้อในร่างกาย จากนั้นจึงจัดกรอบรูปร่างและออกแบบโปรแกรมทรีตเมนต์ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลภายในเวลา 20-30 นาที

หลังจากนั้นก็เป็นขั้นตอนการทำทรีตเมนต์สลับหมุนเวียนกันไปตามโปรแกรมที่ออกแบบเอาไว้ โดยใช้เวลาทำต่อเครื่อง30-60 นาที นอกจากจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญแคลอรีและสลายไขมันแล้ว ยังช่วยลดอาการบวมน้ำที่เกิดจากการบริโภคโซเดียมมากเกินไป หรือฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เช่นภาวะหลังคลอด รวมถึงช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับไม่ผอมเผละหรือมีเนื้อส่วนเกินห้อยต่องแต่งอีกด้วย

แต่เหนือสิ่งอื่นใดนอกจากมีตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพแล้วผลลัพธ์ยังขึ้นอยู่กับวินัยของผู้เข้ารับการรักษาเป็นสำคัญ ดังนั้นเมื่อศึกษาข้อมูลจนมั่นใจแล้วจึงควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงทำทรีตเมนต์อย่างสม่ำเสมอ 

ก็จะช่วยให้มีรูปร่างและน้ำหนักที่เหมาะสม มีสุขภาพดี ลดอัตราการเกิดโรคหลายชนิดอีกด้วย  

 

 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์