10 ปากคำ จากผู้คน 10 เมืองรถติดมหาโหดทั่วโลก พวกเขารู้สึกอย่างไรกัน?
เล็กซิงตันขนานนามตนเองว่า"เมืองหลวงแห่งม้า"
เมืองแห่งนี้ตั้งขึ้นก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมได้ไม่นาน และนับตั้งแต่กลางยุค 1900 การระเบิดขึ้นของกระแสการครอบครองรถก็ทำให้เมืองแห่งนี้ประสบหายนะทันที
ถนนสายหลักของเมืองแบกรับภาระไว้มากที่สุด บางครั้งมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางสัญจรกระทันหัน ทำให้รถต้องหันไปใช้ถนนเส้นอื่นที่ติดกว่าอย่างหลีเกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่ถนนวงแหวนรถติดทุกเช้าและเย็น อีกทั้งไม่มีต้นไม่คอยบังเพื่อลดแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ที่สะท้อนเข้าหน้าผู้ขับขี่โดยตรง โดยเฉพาะในจุดที่เป็นทางร่วมและทางแยก ทำให้เกิดอุบัติเหตุและการกระทบกระทั่งขึ้นบ่อยครั้ง
การเป็นที่ตั้งของสนามบาสเก็ตบอลในร่มที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ที่มักมีการแข่งขันในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ทำให้เมืองที่ดูไม่มีพิษภัยแห่งนี้กลายเป็นหายนะได้ง่ายๆเช่นกัน
ในสภาพรถติด เขาขับรถไปทำงานโดยใช้เวลา 1 ชม. ในสภาพถนนโล่ง นั่นใช้เวลาเหลือเพียง 15 นาที (ไลล์ กู้ดวิน, เล็กซิงตัน, เคนตั๊กกี้)
โซล, เกาหลีใต้
คนที่นี่เป็นที่รู้กันดีว่ามีชื่อเสียงเรื่องพฤติกรรมชอบ "แหกกฎจราจร" โดยเฉพาะตอนสัญญาณไฟแดง ที่ซึ่งรถส่วนใหญ่ควรจะหยุดรอ แต่กลับกลายเป็นว่ามักมีคนขับผ่านไปเฉยๆ และกลายเป็นว่ารถเหล่านี้นี่เองที่กลายเป็น"ติ่ง" และทำให้รถจากฝั่งไฟเขียวไปไหนไม่ได้ และติดยาวกันเป็นหางว่าว เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในเกือบทุกสี่แยก และบังเอิญว่าสี่แยกที่นี่ก็มีจำนวนมาก ทำให้การเดินทาง 2 กม.ต่อชั่วโมงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
ในช่วงสุดสัปดาห์ สงครามยังไม่สิ้นสุด คนที่พยายามเดินทางออกจากเมือง ต้องทำใจกับความเร็วที่ทำได้ไม่เกิน 15-20 กม.ต่อชั่วโมง เช่นเดียวกันกับการขับรถเข้ากรุงโซลในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ การเดินทางที่ควรใช้เวลา 40 นาที ก็กลายเป็น 4 ชั่วโมงได้ไม่ยาก
บางทีฉันควรจะลงทุนติดอุปกรณ์นำทางหรือไม่ก็ทีวีขนาดเล็ก เพื่อที่จะได้นั่งดูซีรีส์เกาหลีไปพลางๆ ระหว่างที่รถค่อยๆคลานไปสู่จุดหมาย (มาร์ตินา มาเร็ค, โซล)
ธากา, บังคลาเทศ
กรุงธากาเป็นเมืองที่มีความหนาแน่นของประชากรที่มากที่สุดในโลก
ที่นี่ขาดไร้ระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ และกระทั่งทางด่วนเพื่อให้ประชากรกว่า 15 ล้านคนของที่นี่ไปมาหาสู่หรือไปทำงานอย่างสะดวก การเดินทาง 15 กม. โดยใช้รถรับจ้างขนาดเล็ก อาจกินเวลา 2-3 ชม. หากตกอยู่ท่ามกลางการจราจรติดขัด และแม้ว่าจะทนไหว ผู้โดยสารก็ต้องสูดดมฝุ่นและควันจากรถยนต์ที่แข่งกันพ่นออกมาตลอดเวลา หูอาจอื้อจากเสียงเร่งเครื่องยนต์ และความร้อนอบอ้าวจากเครื่องยนต์ที่ไม่มีวันดับ การจราจรที่นี่เหมือนไม่มีใครคอยบังคับดูแล และถือคติที่ว่าใครดีใครได้ (โจชัว มาร์ติน, ธากา)
เมกีฟ, ฝรั่งเศส
โบว์เลอร์ทำงานในรีสอร์ตเล็กๆแห่งหนึ่งในแถบเทือกเขาแอลพ์ เขาจะตื่นนอนเมื่อเวลา 08.00 น. หากคืนก่อนเขาดื่มหนัก
ในทุกๆเช้า เขาเดินทางโดยขึ้นบันไดสองช่วง เพื่อขึ้นชั้นสองที่เป็นสำนักงาน ซึ่งใช้เวลาราวๆ 10 วินาที แต่หากว่ามีใครเดินสวนมา เขาอาจต้องหยุดไปพักหนึ่ง ซึ่งกินเวลาสักอีก 2-3 วินาที และเหลือบมองยอดเขามองต์ บลังก์ จากนอกหน้าต่างเสมอๆ ก่อนที่จะทานอาหารเช้าโดยใช้เวลาราว 20 นาที
ช่วงเวลาที่เส้นทางบันไดจะยุ่งที่สุด คือช่วงฤดูท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เขาจึงเลิกใช้บันไดเสีย และหันไปใช้ลิฟท์แทน (วินเซนต์ โบว์เลอร์, เมกีฟ, ฝรั่งเศส)
Source: 10 monster traffic jams from around the world, BBC