แต่ละคนล้วนมีหน้าที่ในชีวิตหลายด้าน ต่างสถานภาพ และต่างเหตุการณ์กันไป อย่าง การเป็นทั้งแม่ของลูก เป็นลูกของคุณแม่ เป็นภรรยา เป็นพี่สาว เป็นน้องสาว และยังเป็นเพื่อนร่วมงานของใครอีกหลาย ๆ คน ฯลฯ ท่ามกลางความรับผิดชอบหลายสิ่ง คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าทุก ๆ วันนั้นจะราบรื่นเสมอ ย่อมคละเคล้าไปด้วยอุปสรรคปัญหาที่เข้ามาทดสอบความแข็งแกร่งของกาย และใจเป็นระยะ เมื่อเป็นข้อเท็จจริงที่เข้าใจได้อย่างนี้แล้ว จะดำเนินชีวิตอย่างไรให้ก้าวพ้นไปด้วยความเรียบร้อย
ปัจจัยสำคัญหนึ่ง คือ การปรับตัว และหัวใจให้แข็งแรงพร้อมตั้งรับ ว่ากันว่า เป็นพลังผลักดันให้สู้ ทำให้จัดการ และควบคุมปัญหาต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น!
ลองเปลี่ยนมา “คิดในทางบวก” โดยเชื่อว่าทุกอย่างมีทางออก ซึ่งหลาย ๆ คนทำให้ชีวิตมีด้านดี ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องไปโฟกัสอยู่เพียงแง่ลบ ซึ่งการมองโลกในแง่ดีเป็นที่ตั้งนี้ เหมือนการถอดแว่นสีดำที่มืดมน แล้วเปลี่ยนมาใส่แว่นสีชมพูดูมีความสุข ช่วยสร้างกำลังใจ ทั้งยังทำให้มองเห็นโอกาสดี ๆ เพิ่มขึ้น ตรงข้ามกับทัศนคติเชิงลบ ที่เจอปัญหาเมื่อใด ต้องคิดว่าแย่อยู่เสมอนั้น มักทำให้เกิดความวิตกกังวลเกินพอดี ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการคิดที่รอบด้านลดลง พาลทำให้ใจห่อเหี่ยว หดหู่ ไม่พร้อมฝ่าฝันอุปสรรค
ขณะที่ หลายคนใช้วิธี “ตั้งเป้าหมาย” โดยเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ อย่าง ความตั้งใจที่จะออกกำลังกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งขั้นตอนระหว่างนี้ ย่อมเกิดการเรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลา แก้ปัญหา ตลอดจนการยืดหยุ่น พลิกแพลงอย่างเหมาะสม เพื่อพิชิตชัยอย่างที่หวังไว้ให้สำเร็จ แม้จะขลุกขลักอยู่บ้าง แต่เมื่อพยายามจนผ่านพ้นไปได้ ก็เปรียบเป็นประสบการณ์ที่ดีให้เป้าหมายต่อ ๆ ไป ด้วยก้าวเดินที่เชื่อมั่นยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น “การตั้งเป้าหมายลองทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคยในชีวิตประจำวัน” อย่าง การค่อย ๆ ลดปริมาณอาหาร หรือ ขนมที่ไม่ให้ประโยชน์ลง บริโภคในระดับที่เหมาะสม ซึ่งการปรับเปลี่ยนโดยเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ และสามารถผ่านมาได้ เหมือนมีภูมิคุ้มกันความอดทน เป็นประโยชน์นำไปปรับใช้ สร้างกำลังใจให้กล้าเผชิญยามเมื่ออยู่ในสถานการณ์ หรือ มีสิ่งไม่คุ้นเคยอื่น ๆ เข้ามากระทบในอนาคต.
ปัจจัยสำคัญหนึ่ง คือ การปรับตัว และหัวใจให้แข็งแรงพร้อมตั้งรับ ว่ากันว่า เป็นพลังผลักดันให้สู้ ทำให้จัดการ และควบคุมปัญหาต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น!
ลองเปลี่ยนมา “คิดในทางบวก” โดยเชื่อว่าทุกอย่างมีทางออก ซึ่งหลาย ๆ คนทำให้ชีวิตมีด้านดี ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องไปโฟกัสอยู่เพียงแง่ลบ ซึ่งการมองโลกในแง่ดีเป็นที่ตั้งนี้ เหมือนการถอดแว่นสีดำที่มืดมน แล้วเปลี่ยนมาใส่แว่นสีชมพูดูมีความสุข ช่วยสร้างกำลังใจ ทั้งยังทำให้มองเห็นโอกาสดี ๆ เพิ่มขึ้น ตรงข้ามกับทัศนคติเชิงลบ ที่เจอปัญหาเมื่อใด ต้องคิดว่าแย่อยู่เสมอนั้น มักทำให้เกิดความวิตกกังวลเกินพอดี ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการคิดที่รอบด้านลดลง พาลทำให้ใจห่อเหี่ยว หดหู่ ไม่พร้อมฝ่าฝันอุปสรรค
ขณะที่ หลายคนใช้วิธี “ตั้งเป้าหมาย” โดยเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ อย่าง ความตั้งใจที่จะออกกำลังกายให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งขั้นตอนระหว่างนี้ ย่อมเกิดการเรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลา แก้ปัญหา ตลอดจนการยืดหยุ่น พลิกแพลงอย่างเหมาะสม เพื่อพิชิตชัยอย่างที่หวังไว้ให้สำเร็จ แม้จะขลุกขลักอยู่บ้าง แต่เมื่อพยายามจนผ่านพ้นไปได้ ก็เปรียบเป็นประสบการณ์ที่ดีให้เป้าหมายต่อ ๆ ไป ด้วยก้าวเดินที่เชื่อมั่นยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น “การตั้งเป้าหมายลองทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคยในชีวิตประจำวัน” อย่าง การค่อย ๆ ลดปริมาณอาหาร หรือ ขนมที่ไม่ให้ประโยชน์ลง บริโภคในระดับที่เหมาะสม ซึ่งการปรับเปลี่ยนโดยเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ และสามารถผ่านมาได้ เหมือนมีภูมิคุ้มกันความอดทน เป็นประโยชน์นำไปปรับใช้ สร้างกำลังใจให้กล้าเผชิญยามเมื่ออยู่ในสถานการณ์ หรือ มีสิ่งไม่คุ้นเคยอื่น ๆ เข้ามากระทบในอนาคต.
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
