ยามที่ร่างกายรู้สึกอ่อนล้า จิตใจอ่อนไหว หรือ ขณะอารมณ์ขุ่นมัว เป็นภาวะหนึ่งซึ่งไม่ค่อยเอื้อในการใช้ความคิดอย่างเต็มประสิทธิภาพมากนัก ด้วยปัจจัยข้างต้นที่เปรียบเหมือนกับดักตรึงให้โฟกัสอยู่ในวังวนนั้น สามารถทำให้ไอเดียตีบตันไปได้ชั่วคราว
สถานการณ์ดังกล่าว เป็นสิ่งที่พบได้บ่อยจากการดำเนินชีวิตซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับสังคม ตลอดจนการทำงาน ย่อมมีทั้งความราบรื่นสร้างรอยยิ้ม รวมทั้งอุปสรรคให้ต้องปวดหัวเพลียใจอยู่บ้างตามโอกาส หลายคนจึงมีเทคนิคประจำตนไว้สำหรับชาร์จพลัง เพิ่มความเข้มแข็งหนักแน่นให้จิตใจ พร้อมรับมือกับปัญหา
โดย วิธีเฉพาะหน้า อย่าง ‘การขอเวลานอก’ ปลีกตัวเองจากการใช้ความคิดชั่วคราว ดื่มน้ำ แล้วไปเดินผ่อนคลาย หายใจเข้า-ออก ผ่อนลมหายใจลึก ๆ ปล่อยความคิดให้ว่าง ช่วยสร้างสมาธิ เพื่อกลับไปแก้ไขปัญหาด้วยกาย และใจที่ฟิตพร้อมกว่าเดิม มีกระบวนการคิดรอบคอบรอบด้านขึ้น ซึ่งหลายกรณีพบว่าอารมณ์ที่อ่อนไหว และขุ่นมัว มีโอกาสด่วนตัดสินใจลงไปด้วยความหุนหันพลันแล่น เสี่ยงผิดพลาด และเกิดความเสียหายได้
รวมทั้ง พยายามรวบรวมสติ ‘แล้วโฟกัสไปยังวิธีแก้ไข หรือ แนวทางที่มีความเป็นไปได้ ซึ่งกระบวนการใช้เหตุผลดังกล่าว จะช่วยลดความฟุ้งซ่านที่หมกมุ่นอยู่กับความกลัว และวิตกกังวลให้ลดน้อยลง’ ช่วยกระตุ้นความท้าทายในการเปลี่ยนปัญหาหม่นหมองนั้นให้เป็นสีสันชวนพิชิต
นอกจากนั้น ‘การหาเวลาพาตัวเองไปผ่อนคลาย หรือ เพิ่มคุณค่าในมุมอื่น ๆ’ เป็นเทคนิคหนึ่งในการช่วยรีบูทส์ความรู้สึกดีต่อตัวเอง สร้างความรู้สึกอิ่มเอม และช่วยเรียกความมั่นใจได้ดี อย่าง การเดินทางท่องเที่ยวเปิดหูเปิดตาดื่มด่ำสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ หรือ การช่วยเหลือสังคม ซึ่งหลายคนได้มุมมองดี ๆ กลับมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต และต่อยอดความคิดสร้างสรรค์.