เชื่อว่าหลายคนคงรู้อยู่แล้ว่าอะไรก็ตามที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้น แม้กระทั่งการกินอยู่ของเราทุกวันนี้ก็เหมือนกัน การกินร้อนเกินไป หรือเย็นเกินไป จะส่งผลต่อร่างกายอย่างไรบ้างไปดูกันคะ
ร้อน-เย็น ธรรมชาติบำบัด
รู้ไหมคะว่าอาหารแต่งละอย่างที่เรากินเข้าไปล่วนส่งผลต่อร่างกายทุกอย่างเช่น กินอาหารที่บูดอาจทำให้ท้องเสียได้ นี่คือแบบที่เห็นผลเร็วๆนะคะ แต่ที่จะเห็นผลช้า จนบางทีเราไม่ได้สังเกตุ เช่นการกินอาหารฤทธิ์ร้อน หรือฤทธิ์เย็นจนเป็นนิสัยก็เช่นกันคะ เพราะสุขภาพที่จะแข็งแรงได้นั้นต้องตั้งอยู่บนภาวะสมดุลคะ ไม่เอนเอียงไปทางใดทางหนึ่ง ภาวะต่างๆเหล่านี้จะส่งผลระยะยาวทำให้เกิดโรคต่าๆมากมายคะ
อาการของภาวะที่ร้อน-เย็นเกินไป
ร้อนเกินไป : หน้าแดง มีสิวขึ้น มีแผลในช่องปากด้านล่าง ตัวร้อน มือเท้าร้อน มีเส้นเลือดขอดตามจุดต่างๆ ท้องผูกเป็นประจำ ท้องอืด เจ็บปลายลิ้น เจ็บส้นเท้า
เย็นเกินไป : ตาแฉะ ขี้ตาเยอะ เป็นแผลในช่องปากด้านบนหรือโคนลิ้น ตัวเย็น มือเท้าเย็น มีน้ำมูกใส นิ้วล็อคกำมือไม่ลง อุจจาระเหลวสีอ่อน เจ็บโคนลิ้น
ร้อน-เย็น ดูกันยังไงนะ
วิธีที่เราจะสามารถรู้ได้ว่า อาหารฤทธิ์ร้อน กับอาหารฤทธิ์เย็น ก็ไม่ได้ยากอะไรเลยคะ ก็ใช้การสังเกตุจากภายนอก เราก็พอที่จะแยกออกได้
หมั่นสังเกตว่าอาหารที่กินเข้าไปทำปฏิกิริยาให้ร่างกายร้อนขึ้นหรือเย็นลงแค่ไหน นอกจากนี้ยังมีลักษณะของอาหารที่ให้ฤทธิ์ร้อน-เย็น มาให้อ่านเพื่อใช้ประกอบการสังเกตกันด้วยค่ะ
อาหารฤทธิ์เย็น : มักจะมีลักษณะหวานหรือจืด สีจะออกไปทางสีอ่อน เช่น ขาว เขียว ความหนาแน่นของเนื้อสารจะน้อย ยุ่ยๆ หลวมๆ
อาหารฤทธิ์ร้อน : มักจะมีลักษณะเค็ม ขม เนื้อแข็ง สีสันจะออกไปทางสีเข้มหรือคล้ำ เช่น แดง ม่วง ดำ ถ้าเป็นเขียวก็ออกเขียวเข้ม มีกลิ่นออกเหม็นเขียว
แต่ในปัจจุบันนี้อาหารส่วนใหญ่ที่เรากินกันมักจะมีฤทธิ์ร้อน เช่น อาหารที่เค็มจัด มันจัด หวานจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด อาหารใส่สารเคมี อาหารใส่ผงชูรส เหล้า เบียร์ ไวน์ ชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง ขนมกรุบกรอบ บะหมี่ซอง รวมไปถึงน้ำร้อนจัด น้ำเย็นจัด และน้ำแข็ง จริงๆ อาหารก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิธีคิดแบบร้อน-เย็น เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการที่ร่างกายจะมีภาวะร้อนหรือเย็นอีกมาก เช่น ความเครียด อดนอน กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระ เดินทางบ่อย หงุดหงิดโมโห และสูบบุหรี่
พอจะนึกออกแล้วใช่ไหมละคะ ว่าอาหารฤทธิ์ร้อน กับอาหารฤทธิ์เย็นต่างกันอย่างไร เพียงเท่านี้เราก็คงพอที่จะแยกออกแล้วว่าร่างกายของเราอยู่ในสภาวะที่ร้อนเกินไป หรือเย็นเกินไปหรือเปล่า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงการกินของเรา ก็พอที่จะช่วยให้สภาวะต่างๆของร่างกลับเข้าสู่สมดุได้เช่นกันคะ
แหล่งที่มา?widemagazine