ชีวิตทุกวันนี้ดิ้นรน สับสนและเหน็ดเหนื่อย บางครั้งใจจึงตกหล่มความท้อแท้ เหนื่อยหน่ายเข้าได้ง่าย ๆ เมื่อประสบภาวะเช่นนี้อย่ามัวปล่อยให้ใจตก พระท่านว่าเป็นจิตอกุศล หมองมัว เรามาเร่งเสริมสร้างกำลังใจให้ตนเองกันจะดีกว่า อย่าให้จิตมัวตกหล่มอยู่นานกับ 4 วิธีที่นำมาฝากกัน
หาคนมองแง่บวกให้
เมื่อเกิดปัญหา คนที่เผชิญปัญหามักมองแง่บวกให้ตัวเองไม่ได้ ถึงรู้ว่าเหรียญมีสองหน้า แต่เมื่อใจตกกลับพลิกเหรียญอีกด้านขึ้นมาเองไม่ไหว กัลยาณมิตรดี ๆ มีความจำเป็นในยามนี้ แต่คงต้องมองให้ดีว่าเพื่อนคนใดเป็นคนช่างเสริมสร้างกำลังใจ มองโลกในแง่ดี เมื่อคุย ปรึกษากับเขาจะได้แง่มุมดี ๆ กลับมาเป็นกำลังใจให้ตัวเอง เลือกคุยกับคนนั้น แล้วห้ามคุยกับเพื่อนช่างกระแนะกระแหนเป็นเด็ดขาด
หาหนังสือที่ช่วยเสริมสร้างกำลังใจมาอ่าน
โชคดีที่หนังสือเสริมสร้างกำลังใจสมัยนี้มีอยู่เต็มร้านหนังสือ อาทิ หนังสือของท่าน ว.วชิรเมธี พระไพศาล วิสาโล ฯ ที่ช่วยเพิ่มมุมมองดีๆ ให้ เมื่ออ่านแล้วนอกจากจะได้กำลังใจ ยังได้แนวคิดดีๆ ในการดำรงชีวิตมาเป็นของแถม
ลุกขึ้นทำสิ่งดีงาม
การทำสิ่งดีงามที่ใจชอบ ใจเราทำแล้วเบาสบาย มีความสุข อาทิ ใส่บาตร ปฎิบัติธรรม ฯ จะช่วยให้ใจมีกำลังได้ในทันที อันที่จริง ถ้าคิดดูให้ดี ก็จะรู้ว่าเราเริ่มมีความสุขตั้งแต่คิดว่าจะทำความดี เตรียมตัวทำความดีนั้น เรียกว่าได้กุศลกันตั้งแต่ก่อนทำ ขณะทำ และหากเป็นกุศลที่หลังทำยังปลาบปลื้มมีความสุข ก็ยังได้บุญหลังทำอีกด้วย บุญอย่างนี้ได้ผลดีช่วยยกระดับจิตใจได้ทีเดียว
เสริมสร้างกำลังใจให้ตนเอง
คนเรานั้นใครพูดอะไร ไม่เท่าตนช่วยตนเอง เพราะจะเข้าใจตัวเองดีที่สุด บางครั้งใครพูดอะไรเท่าไร ก็แก้ปัญหาไม่ได้เสียที แต่เมื่อตัวเองปิ๊ง มองเห็นทางออก มีกำลังใจ ก็กลายเป็นหายทุกข์ได้ในที่สุด มีวิธีการมาฝากกันอีกเล็กน้อย
- ลองมองย้อนกลับไปถึงเวลาที่เคยทำสิ่งต่างๆ ได้ดี แล้วบอกตัวเองว่าเราทำได้ ลุกขึ้นสู้เรื่องตรงหน้านี้ไหว
- บอกตัวเองว่าทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาจะเป็นประสบการณ์ชีวิต ที่ทำให้แข็งแกร่งและเข็มแข็งขึ้น ที่สำคัญเมื่อผ่านไปได้แล้วจะภูมิใจในตัวเอง
- แทนที่จะมัวคิดหมุนวนอยู่กับปัญหา ลองเขียนระบายออกมา บางครั้งนอกจากจะได้ระบายแล้ว ยังทำให้คิดแก้ปัญหาตรงหน้าตกได้อีกด้วย