หุ่นยนต์นักฆ่าจากแผ่นฟิล์มสู่กองทัพ

                   
รายงานเรื่อง การสูญเสียความเป็นมนุษย์ ที่จัดทำโดยเครือข่ายองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ร่วมกับโครงการให้ความคุ้มครองช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชน แห่งโรงเรียนกฎหมายฮาร์วาร์ด ได้เรียกร้องให้มีการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ เพื่อห้ามการพัฒนา ผลิต และใช้อาวุธอัตโนมัติใดๆ แบบเต็มรูปแบบ

                   
ที่มาของคำเรียกร้องนี้ เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลประเทศมหาอำนาจ

อย่างเช่น สหรัฐได้เดินหน้าปูทางไปสู่การสร้างหุ่นยนต์ทางการทหาร เห็นได้จากการพัฒนาเครื่องบินไร้คนขับ เพื่อใช้ในการสอดส่อง ตลอดจนการโจมตีบางประเทศ ได้แก่ ปากีสถาน อัฟกานิสถาน เยเมน ซึ่งแม้ว่าอาวุธไฮเทคเหล่านี้ จะยังคงควบคุมด้วยเจ้าหน้าที่จากศูนย์บัญชาการภาคพื้นดิน และไม่สามารถสังหารเป้าหมายก่อนได้รับอนุญาต แต่กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนก็หวั่นเกรงว่านี่เป็นเพียงการเปิดตัว ที่จะนำร่องไปสู่หุ่นยนต์ทหารอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ ที่สามารถตัดสินใจยิงเป้าหมายได้เอง

                   
...เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มที่ว่า ยังอีกหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน เยอรมนี อิสราเอล เกาหลีใต้ รัสเซีย และอังกฤษ ต่างก็กำลังทำงานวิจัยและการพัฒนาอย่างจริงจังในเทคโนโลยีนี้ จนผู้เชี่ยวชาญหลายคนถึงกับออกปากว่า น่าจะเห็นผลสำเร็จได้ไม่เกิน 20-30 ปีนี้ จึงไม่ต้องแปลกใจที่นักเคลื่อนไหวในค่ายโลกเสรี ตื่นตกใจกับเรื่องนี้

                   
ณ วันนี้ เกาหลีใต้ประกาศตัวเป็นประเทศแรก

ที่เผยโฉมนวัตกรรมหุ่นยนต์ ซึ่งมีความสามารถใกล้เคียงกับหุ่นยนต์นักฆ่าบนแผ่นฟิล์มมากที่สุดออกสู่สายตาชาวโลก โดยติดตั้งหุ่นยนต์ป้อมปืนอัตโนมัติ 2 ตัว ซึ่งมีอาวุธครบมือทั้งปืนกล และเครื่องยิงลูกระเบิดไว้ที่บริเวณชายแดนติดเกาหลีเหนือ มีความสามารถใช้ระบบตรวจจับผู้บุกรุกด้วยความร้อน และการเคลื่อนไหวของผู้บุกรุกที่คาดว่าจะเป็นอันตราย จากนั้นจะส่งข้อมูลไปยังศูนย์บัญชาการ เพื่อขอคำสั่งยิง หรือไม่ยิงเป้าหมาย