สมาร์ทโฟนในโลกนี้สู้กันอยู่เป็นหลัก ๆ เพียงสองระบบเท่านั้น คือ iOS ของ "แอปเปิล" ซึ่งคือไอโฟน และแอนดรอยด์ที่มีสารพัดเจ้าทำออกมา โดยมีซัมซุงเป็นรายใหญ่ที่สุด ในบ้านเกิดหรือในสหรัฐอเมริกาไอโฟนครอบครองความเป็นเจ้าตลาด
และจากตัวเลขที่สำรวจโดยบริษัทวิจัยแคนทาร์ เวิลด์ไวด์ คอมเทค
ในช่วงสามเดือนล่าสุดของปี 2012 "ไอโฟน" ในอเมริกามีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 เป็น 53.3 เมื่อเทียบกับช่วงดียวของปีที่แล้ว ขณะที่ส่วนแบ่งของ "แอนดรอยด์" ไถลลงจากเดิมอีกเกือบร้อยละ 11
ที่ยอดขายไอโฟนในอเมริกาเพิ่มขึ้นมากนั้น เป็นความดีของไอโฟน 5 ล้วน ๆ
อย่างไรก็ตาม ในขอบเขตทั่วโลก "ไอโฟน" ไม่สามารถเข้าไปครองใจผู้คนได้เหนือกว่าแอนดรอยด์ ในกลุ่ม 5 ประเทศใหญ่ที่สุดของยุโรป ประกอบด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปน ส่วนแบ่งตลาดของแอนดรอยด์ในช่วงเดียวกันเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 61 จากร้อยละ 51.8 บางประเทศอย่างเช่น สเปน "ไอโฟน" แทบจะไม่มีตัวตนอยู่เลยด้วยซ้ำ ส่วนแบ่งตลาดมีเพียงร้อยละ 4.4 ขณะที่แอนดรอยด์สูงถึงร้อยละ 84.1
ออกไปที่ "ออสเตรเลีย" แอนดรอยด์นำหน้าอยู่ที่ร้อยละ 58 ไอโฟนร้อยละ 36 หรือที่บราซิล แอนดรอยด์มีส่วนแบ่งร้อยละ 60.7 ไอโฟนร้อยละ 1.6
ส่วนตลาดใหญ่อย่างสาธารณรัฐประชาชนจีน ตัวเลขจาก "ไอดีซี" ก็ให้ภาพทำนองเดียวกัน นั่นคือแอนดรอยด์มีส่วนแบ่งสูงถึงร้อยละ 72.2 ขณะที่ไอโฟนร้อยละ 19.2
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนแอนดรอยด์อาจอยู่ที่มีสมาร์ทโฟนตัวเลือกที่ราคาถูกกว่าไอโฟน และความเป็นระบบเปิดของแอนดรอยด์ที่ทำให้ผู้ผลิตมีอิสระที่จะปรับแต่งและผลิตออกมาอย่างหลากหลาย
นั่นทำให้มองกันว่าที่จริงแล้วแอปเปิลโดนรุมสกรัมจากผู้ผลิตมากหน้าหลายตาทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่
อย่างไรก็ตาม เมื่อลองดูขาใหญ่ผลิตสมาร์ทโฟนของโลกจะพบว่าที่ผงาดขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแซงหน้า "โนเกีย" คือ "ซัมซุง" และเฉพาะในยุโรป ซัมซุงมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 44.3 ขณะที่แอปเปิลตามหลังมาที่ร้อยละ 25.3
นั่นหมายความว่า ตัวชนจริง ๆ ของแอปเปิลคือ "ซัมซุง"
แอนดรอยด์ ครองโลก
"แอนดรอยด์" ครองโลก