มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เผยผลสำรวจล่าสุดพบว่า มีเด็กไทยอายุ 15-18 ปี สูบบุหรี่ถึงสี่แสนคน และมีเด็กไทยติดบุหรี่เพิ่มขึ้นวันละหนึ่งพันคน ในจำนวนดังกล่าวยังเท่ากับจำนวนผู้เลิกสูบบุหรี่หรือเสียชีวิตในแต่ละวันตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา
ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ 12 มกราคม และวันครู 16 มกราคม ปีนี้ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เรียกร้องให้ผู้ปกครองเด็กและโรงเรียนร่วมมือกันลดจำนวนเด็กไทยที่จะเป็นสิงห์อมควันรายใหม่
ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า ทุกฝ่ายในสังคมมีความรับผิดชอบต่อสุขภาพของเยาวชน การเข้าไปเสพติดบุหรี่ของเยาวชนเป็นสาเหตุที่นำเยาวชนไปติดสิ่งเสพติดอื่น และโดยสถิติแล้ว กว่าร้อยละ 70 ของเด็กไทยที่ติดบุหรี่จะเสพติดบุหรี่ไปตลอดชีวิต ที่สำคัญการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังในผู้ใหญ่ไทย อาทิ โรคหัวใจและหลอดเลือด มะเร็ง ถุงลมพอง เป็นผลจากการติดบุหรี่ขณะยังเป็นเด็ก
ศ.นพ.ประกิต กล่าวอีกว่า สังคมรอบตัวในวัยเด็กคือผู้ปกครองและครู มีอิทธิพลต่อการสูบบุหรี่ของเด็กมากที่สุด โดยพฤติกรรมการสูบบุหรี่และทัศนคติต่อการสูบบุหรี่ของผู้ปกครอง เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลสำคัญที่สุด ที่จะกำหนดว่าเด็กคนหนึ่งจะสูบบุหรี่หรือไม่ และโอกาสที่เด็กจะติดบุหรี่จะลดลง 7 เท่า หากเด็กรับรู้ว่า พ่อแม่ไม่ยอมรับการสูบบุหรี่อย่างแข็งขัน
ในส่วนของครูที่สูบบุหรี่เป็นการสื่อสัญญาณต่อเด็กๆ ว่า การสูบบุหรี่เป็นกิจกรรมของผู้ใหญ่ ครูที่สูบบุหรี่ในโรงเรียนเป็นการสื่อถึงการยอมรับหรือการผ่อนปรนการสูบบุหรี่ในโรงเรียน ทั้งนี้การทำให้โรงเรียนปลอดบุหรี่ 100% มีส่วนช่วยลดโอกาสการติดบุหรี่ของนักเรียน ทั้งระหว่างและหลังออกจากโรงเรียน
ศ.นพ.ประกิต ยังเรียกร้องให้ผู้ปกครองเป็นแบบอย่างโดยการไม่สูบบุหรี่ ถ้ายังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ต้องพยายามไม่สูบบุหรี่ให้เด็กๆ เห็น บอกลูกหลานอย่างจริงจังว่า ไม่เห็นด้วยที่เด็กๆ จะริเริ่มสูบบุหรี่ ส่วนครูที่ยังเลิกสูบบุหรี่ไม่ได้ต้องไม่สูบในโรงเรียน กำหนดให้โรงเรียนปลอดบุหรี่ 100% มีการเรียนการสอนถึงพิษภัยของบุหรี่และสนับสนุนให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมของการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ทั้งในโรงเรียนและชุมชน.