วิธีการจับโกหกผู้ชาย
พวกที่ไม่ได้โกหกเป็นอาชีพ
1. เวลาพูดเขาจะจับอวัยวะเหล่านี้
- จมูก การจับจมูกเป็นการ detect การโกหกที่ชัดที่สุด เพราะเวลาเราโกหก เลือดจะไปคั่งที่จมูก
- จับหูโดยอัตโนมัติ โดยเฉพาะหูขวา (เพราะการโกหก ใช้สมองซีกซ้ายครับ สมองซีกซ้ายจะคุมร่างกายส่วนขวา)
2. ถูคอ
แปลว่า..."รับปาก แต่ที่จริงเขาไม่แน่ใจว่าจะทำตามนั้นได้หรือไม่" หรือเขี่ยๆตาตัวเอง (แสดงว่ากำลังคิดหรือหาทางให้มือสัมผัสอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เปิดไต๋ได้) เป็น body language ของ"อาการลำบากใจ"
3. เวลาคุณถามเกี่ยวกับความทรงจำ
เช่น วันนี้ไปไหนมา คนที่"กำลังนึกจริงๆ"จะกลอกตาไปด้านซ้ายหรือไม่ก็เพ่งตรงจุดกลาง เพราะสมองส่วนนั้นเป็นความจำที่เพิ่งผ่านมา แต่ถ้ากลอกตาไปด้านบนขวา คือกำลังนึกเรื่องโกหกอยู่
4. จะหยุดนิดนึงก่อนตอบคุณ ไม่ตอบทันที เพราะ"กำลังคิดหาคำตอบ"
5. หาเรื่องโวยวายใส่คุณทันทีทั้งที่คุณถามคำถามง่ายๆ
เรียกว่า reverse psychology คือทำให้คุณตกเป็นฝ่ายโดนเขาซักซะ แทนที่เขาจะเป็นฝ่ายโดนซัก (ผู้ชายเป็นบ่อยตอนโดนแฟนถามถึง"เบอร์แปลกๆ" แกจะโวยวายใหญ่โตขึ้นมาทันที หาว่าผู้หญิงขี้ระแวง ยุ่งย่าม วุ่นวาย... แน่ะ-ใช้อารมณ์ฟึดฟัดเข้าข่ม)
6. กะพริบตาบ่อยๆ
แสดงถึงการพูดไม่จริง (ผมสังเกตหลายครั้งแล้วเวลาดูพวกนักการเมืองในทีวีที่ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่จริง ผมบริสุทธิ์ ผมไม่ได้ทำ เขาจะฝึกจ้องตาผู้ถามได้เก่งมาก ไม่มีล่อกแล่ก แต่...มันจะมีกะพริบตานิดๆเสมอ ตรงข้ามกับคนพูดจริง เขาจะจ้องตาคุณแบบไม่กระพริบ ไม่มองที่อื่นเลย)
7. มือมักเก็บไว้ใต้โต๊ะ
(กรณีที่สาวๆ หลายคนบอกว่า"เขาจ้องตาหนูนะคะ" (แบบ"โกหกตาใส") ให้ลองดูมือเขาครับ มือเขาจะไม่วางบนโต๊ะและแบออก ซึ่งเป็นท่า "เปิดเผย จริงใจ" ตาจ้อง แต่มือปิด กำแน่น หรือหลบใต้โต๊ะ...ชะ..ไอ้หมอนี่โกหกชัวร์)
สำหรับพวกโกหกอาชีพ
1. ตาเขาจ้องคุณ แต่มือเขาจะกำในท่าที่ปิด แสดงว่าหมอนี่..เฟค
2. พูดน้ำเสียงจริงจัง เสียงดังฟังชัดแต่...ดันกอดอก = ท่าปกป้องตัวเอง เขาไม่ได้เปิดเผยกับคุณเหมือนน้ำเสียง
3. บอกว่าท้าให้คุณพิสูจน์ได้เลยแต่...ไม่มีการยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าจะให้พิสูจน์ได้ยังไง ที่ไหน และเมื่อไหร่ (เช่น บอกคุณว่าผมไม่มีอะไรกับน้องที่ทำงานหรอก ท้าให้คุณไปดูตอนเราเข้าค่ายพนักงานได้เลย แต่..ไม่บอกคุณว่าจะให้คุณไปเข้าค่ายด้วยวันไหน เมื่อไหร่..)
ที่มา จับฉ่าย