คุณค่าเล็ก ๆ ของตัวไร้ประโยชน์
หลายวันนี้ผมซมด้วยพิษหวัดแกมบรรจง จนอยากให้จมูกของตัวเองหายสาบสูญไปจากร่างกายอย่างถาวร การหายใจไม่ออกเพราะจมูกติดขัดนั้นเหมือนหยดน้ำที่พยายามไหลออกมาจากท่อประปาที่เกรอะกรังตะกรัน
เมื่อเป็นเด็กผมเกลียดหวัดอย่างที่สุด สาปแช่งเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการน้ำมูกไหล หายใจไม่สะดวก และตั้งคำถามว่า พวกมันเกิดมาทำไม เป็นเพียงตัวไร้ประโยชน์ที่สร้างแต่ความเดือดร้อนต่อมนุษย์ แต่จนโต พระเจ้าเบื้องบนก็ไม่เคยตอบ
สุภาษิตเก่าแก่บอกว่า "การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" แต่แพทย์ทางเลือกกลับมองว่า การเป็นหวัดเป็นลาภอย่างหนึ่ง กล่าวคือธรรมชาติกำลังตักเตือนเราสถานเบาว่า ถึงเวลาพักผ่อนแล้วนะ คนที่ไม่เคยป่วยไข้ ธรรมชาติไม่เคยเตือนนั้น มักเป็นโรคร้ายแรงไปเลย
การเรียนรู้สภาวะของตัวเองจากการป่วยไข้ถือเป็นมรณานุสติอย่างหนึ่ง ทำให้รับรู้ว่า สังขารของคนเราที่แท้ก็เปราะบางนิดเดียว ไม่ว่าใหญ่มาจากไหน เป็นนายกรัฐมนตรี เจ้าพ่อ หรือนายหน้าเงินกู้ ก็หนีไม่พ้นฤทธิ์เดชของเชื้อโรคตัวเล็ก ๆ อย่างเสมอภาคกัน
ครั้นหายจากหวัด จมูกโล่งโปร่งทำงานได้เป็นปกติ ก็ให้รู้สึกว่า การหายใจเข้าออกโดยไม่ติดขัด (ที่เราไม่เคยสังเกตทุกเมื่อเชื่อวัน) นั้น ช่างเป็นสุขจริง ๆ
โลกสดใสขึ้นทั้งที่เป็นโลกใบเดิม
หากดัดจริตพูดแบบปรัชญาเต๋าคือ เราไม่เคยนึกถึงจมูกเมื่อไม่เป็นหวัด ไม่นึกถึงตีนเมื่อรองเท้าไม่กัด
มองแบบนี้จึงเห็นว่า หวัดจึงไม่ใช่โรค หากคือมาตรวัดสภาวะบางอย่าง บางทีธรรมชาติกำลังบอกเราว่า ไม่ทุกอย่างที่ดูเลวร้ายจะมีแต่ความร้ายเสมอไป
คนเรามักเห็นคุณค่าของบางสิ่งเมื่อจากมันไป ยิ่งเห็นมากขึ้นเมื่อสูญเสียมันไปอย่างถาวร คู่รักจำนวนมากเลิกรากันเพราะต่างลืมคุณค่าเล็ก ๆ ของอีกฝ่าย การพลัดพรากจากกันบ้างจึงทำให้มีเวลาทบทวนคุณค่าเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายหนึ่ง
เพราะคุณค่าของคนเราไม่จำเป็นต้องเกิดจากการกระทำที่ยิ่งใหญ่เสมอไป
ขอบคุณนะเจ้าหวัดน้อย... แต่อย่าเสือกมาบ่อยเกินไป!
บทความโดย.........วินทร์ เลียววาริณ
จาก ทำดีดอทเนต