อ่านแล้ว... รู้สึกดีจัง

ความสุขอยู่ที่ใด (ยาวมากนะ แต่อยากให้ค่อยๆ อ่านไปเรื่อยๆ)

อ่านแล้ว... รู้สึกดีจัง

... ฉันไม่มีความสุข
... ฉันไม่ชอบงานที่ฉันทำ เพราะมันน่าเบื่อและไม่มีที่สิ้นสุด
... ฉันไม่ชอบเจ้านาย เพราะเขาไม่เคยคิดหรือทำอะไรเองนอกจากชี้นิ้วสั่งกับดุด่าฉันเท่านั้น

... ฉันไม่ชอบเช้าวันจันทร์
เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ตื่นขึ้นมาเผชิญโลกที่โหดร้าย แต่ละสัปดาห์ของการทำงาน ดูราวกับการคืบคลานไปท่ามกลางสนามรบ

... ฉันไม่ชอบเช้าวันอังคาร
เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งทำงานไปได้วันเดียวยังมีอีกหลายวันที่โหดร้ายรออยู่

... ฉันไม่ชอบเช้าวันพุธ
เพราะเป็นวันที่ฉันเริ่มตื่นขึ้นมาพร้อมกับความล้าและพบว่าเวลาเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งทางเท่านั้น

... ฉันไม่ชอบเช้าวันพฤหัสบดี
เพราะเป็นวันที่ฉันเหนื่อยล้าจากการทำงานมาตลอดหลายวัน แต่ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินต่อไป พรุ่งนี้ก็ยังต้องทำงาน

... ฉันไม่ชอบเช้าวันศุกร์
เพราะฉันเหนื่อยจนแทบลุกจากเตียงไม่ไหวแล้วแต่ก็ยังต้องลุกไปทำงาน

... ฉันไม่ชอบเช้าวันเสาร์
เพราะฉันอยากตื่นสายๆ แต่กลับมีเด็กบ้านใกล้ๆ วิ่งเล่นเสียงดังจนต้องตื่นแต่เช้า

... ฉันไม่ชอบเช้าวันอาทิตย์
เพราะฉันจะถูกปลุกแต่เช้าเช่นกัน ด้วยเสียงเครื่องดูดฝุ่นกับเสียงตัดต้นไม้และเครื่องตัดหญ้าชองเพื่อนบ้าน

... ฉันไม่ชอบวันหยุดนักขัตฤกษ์
เพราะมันทำให้ร้านรวงในกรุงเทพฯปิด จะซื้อหาอะไรก็ยาก จะออกไปต่างจังหวัดคนก็มาก ฉันเคยเห็นรถติดบนยอดเขาห่างไกลในวันสิ้นปีมาแล้ว

... ฉันไม่ชอบรถติด
เพราะมันทำให้ฉันถึงที่ทำงานช้า

... ฉันไม่ชอบรถเมล์
เพราะฉันต้องยืนเบียดกับคนแปลกหน้าและร้อนอบอ้าว

... ฉันไม่ชอบบ้านเช่าที่ฉันอยู่
เพราะมันคับแคบแออัด เปิดหน้าต่างออกไปเห็นแต่ตึกบังท้องฟ้า

... ฉันไม่ชอบบ้านเดิมที่ต่างจังหวัด
เพราะมันห่างไกลมากและมีแต่ความกันดาร

... ฉันไม่ชอบนิยายน้ำเน่า
เพราะมันไม่เคยให้แง่คิดหรือช่วยพัฒนาจิตใจของเราให้ดีขึ้นเลย

... ฉันไม่ชอบหน้าร้อน
เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกอบอ้าวและหงุดหงิดทั้งวัน

... ฉันไม่ชอบหน้าฝน
เพราะมันทำให้ฉันเปียกแฉะ เดินทางลำบาก ตากผ้าก็ไม่แห้ง

... ฉันไม่ชอบหน้าหนาว
เพราะมันทำให้ฉันเป็นหวัดและไม่มีชีวิตชีวา

... ฉันไม่ชอบมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนจบมา
เพราะมันไม่ค่อยมีชื่อเสียง ทำให้ฉันหางานทำลำบาก

... ฉันไม่ชอบคนรักของฉัน
เพราะเขาเป็นคนขวานผ่าซาก ไม่โรแมนติก ไม่เอาอกเอาใจฉันเลย

... ฉันไม่ชอบกรุงเทพ
เพราะที่นี่มีแต่ความเบียดเสียด ทุกอย่างเร่งรีบและดิ้นรนผู้คนเห็นแก่ตัว


ฉันไม่มีความสุข...
ความสุขอยู่ที่ไหนกัน...

...........................................................


... วันหนึ่งฉันยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ แม่ลูกคู่หนึ่งนั่งรอรถอยู่ใกล้ๆ ผ่านไปสักพัก อยู่ๆ ลูกชายวัยซนของหญิงคนนั้นก็ชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้าและบอกกับแม่ “แม่หมาอยู่บนฟ้า”

“ไหนลูก” แม่ขมวดคิ้วแล้วโน้มตัวมองตามลูก “อ๋อ เมฆน่ะเหรอลูก ดูเป็นหมายังไงนะ”

“นี่ไงแม่ ตรงที่ยื่นๆ ออกมานี่เป็นหัวหมา นี่หูมัน มีขาหน้าด้วย”

“แล้วขาหลังล่ะลูกไม่เห็นมีเลย”

“มันกระโดดออกจากปุยนุ่น ขาหลังมันเลยจมในปุยนุ่น” เด็กชายว่า

ฉันหันไปมองเมฆก้อนนั้นตามด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วก็ต้องขมวดคิ้วมันเป็นแค่ก้อนเมฆสีขาวไร้รูปทรงธรรมดารูปหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ได้มีความเหมือนกับหมาตรงไหนเลย ฉันยักไหล่แล้วหันไปชะเง้อมองรถเมล์บนถนนตามเดิม เสียเวลาฟังเจ้าเด็กฟุ้งซ่านจริงๆ

“เหรอ...แต่แม่ว่ามันดูเหมือนกับยีราฟนะลูก เห็นมั้ย คอมันยาวเป็นยีราฟเลย หูชี้ด้วย”

“ไม่ใช่นะแม่ ยังเป็นหมาอยู่ หมาคอยาวๆโอ๊ยๆๆทำไมขามันหายไปแล้วล่ะ”

“ข้างบนลมคงพัดแรงน่ะลูก เมฆมันเป็นแค่ไอน้ำที่ลอยในอากาศและจับตัวกันเป็นก้อน พอลมพัดมันก็เปลี่ยนรูปร่างเหมือนกันตอนที่ลูกเป่าควันในชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ไงจ๊ะ”

ฉันเงยหน้ามองก้อนเมฆไอน้ำสีขาวบนทั้งฟ้าอีกครั้ง ฉันมองอย่างไรก็เห็นเป็นเพียงแต่เมฆธรรมดาๆ
ก้อนหนึ่งเท่านั้น ในขณะที่แม่ลูกคู่นั้นเห็นเป็นสัตว์ต่างๆ มากมาย

ทำไมของสิ่งเดียวกันแต่คนสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันกลับมองไม่เหมือนกัน หรือว่ามาลูกคู่นี้เห็นในสิ่งที่ฉันไม่เห็น...

...........................................................


... บนรถเมล์ที่ฉันโหนไปทำงาน เด็กนักเรียนสองคนใกล้ๆ กำลังพูดถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย

“ทำไมแกรีบอ่านหนังสือคร่ำเคร่งนัก กว่าจะสอบก็ปีหน้าไม่ใช่เหรอ”

“ต้องรีบอ่านสิ อีกแค่ปีเดียวพวกเราต้องสอบแล้วนะ นี่อ่านแทบไม่ได้นอนมาหลายเดือนแล้ว”

“เหรอ...”

“แล้วแกล่ะ ทำไมจนป่านนี้ยังไม่อ่านหนังสือสักที”

“ไม่ต้องรีบหรอก อีกตั้งปีกว่าจะถึงวันสอบ”

ฉันมองตามหลังเด็กทั้งสองขณะที่พวกเขาเดินลงจากรถหน้าโรงเรียน นับว่าเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของคนสองคนที่มองสิ่งเดียวกันต่างออกไป คนหนึ่งมองอย่างเป็นทุกข์ อีกคนมองอย่างไม่ทุกข์ หรือว่าทุกสิ่งรอบตัวสามารถมองได้สองแบบจริงๆ
แบบเดียวกับที่ฉันมองสองด้านของเหรียญหรือมองแก้วน้ำที่มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้ว

แล้วที่ฉันไม่มีความสุขอยู่ทุกวันนี้เกิดจากการมองของฉันใช่หรือไม่...

เย็นวันนั้นฉันกลับบ้านมานั่งพักที่ระเบียง แมวดำตัวหนึ่งกำลังพยายามจะมาคุ้ยหาขยะในถุงดำที่มัดกองไว้หน้าบ้าน
แต่แรกฉันทำท่าจะถอดรองเท้าขว้างใส่แบบที่เคยทำมา
แต่พอคิดไปอีกทางว่า การเกิดเป็นแมวจรจัดไร้เจ้าของและที่ซุกหัวนอนนั้นก็แย่พออยู่แล้ว ยังต้องมาคุ้ยขยะหาอาหารประทังชีวิตให้รอดแล้ว ยังถูกคนขับไล่อีกไปที่ไหนก็มีแต่คนไม่ต้อนรับเอ็นดู

ฉันลองเปลี่ยนความคิดดู หันหลังเดินเข้าครัว หยิบไส้กรอกอีสานและแฮมในตู้เย็นออกมาอุ่นเล็กน้อย
จากนั้นก็เปิดประตูบ้านออกไป แมวดำยังอยู่ที่กองขยะหน้าบ้าน แสงจากเสาไฟฟ้าที่ส่องสลัวลงมาถึงตัวของมัน ทำให้มองดูเหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก ฉันส่งเสียงเลียนแบบแมวดังเมี้ยวๆ
จนมันหันมามอง

“กินซะนะ อยู่ด้วยกันมานานฉันเพิ่งจะมาใจดีวันนี้แหละ”

แมวตัวนั้นค่อยๆ เดินมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนมาหยุดใกล้ๆ ฉันจึงวางไส้กรอกอีสานกับหมูแฮมลงบนพื้น
แมวจรจัดส่งเสียงร้องเหมียวๆ ขณะก้มลงดมอาหารมื้อพิเศษนั้น ในที่สุดมันก็กินอย่างเอร็ดอร่อยทีเดียว

ฉันยืนกอดอกมองภาพแมวที่กำลังกินอาหารที่ฉันหามาให้อย่างมีความสุข เพิ่งได้รู้กับตัวเองว่า การไล่แมวกับการให้อาหารแมวนั้น มันให้ความสุขทางใจที่แตกต่างกันมากกขนาดนี้เอง

ต่อจากนี้ไปฉันจะมีความสุข...

...........................................................


... ฉันชอบงานที่ฉันทำ
เพราะมันให้โอกาสฉันได้แสดงฝีมือทำงานเพื่อส่วนรวมและมีรายได้มาเลี้ยงตัวเอง งานทั้งหลายนั้นดูช่างท้าทายฉันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

... ฉันชอบเจ้านาย
เพราะเขาให้โอกาสฉันคิดและตัดสินใจลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองโดยพยายามตักเตือนแนะนำเมื่อฉันทำงานผิดพลาด

... ฉันชอบเช้าวันจันทร์
เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งสัปดาห์นี้จะต้องดีกว่าสัปดาห์ที่แล้ว

... ฉันชอบเช้าวันอังคาร
เพราะเป็นวันที่ฉันเพิ่งทำงานไปได้วันเดียว ยังมีอีกหลายวันที่สนุกสนานรออยู่ เพื่อนที่ทำงานยังรอฉันอยู่

... ฉันชอบเช้าวันพุธ
เพราะเป็นวันที่ฉันเริ่มตื่นขึ้นมาพร้อมความล้าเล็กน้อย และพบว่าเวลาผ่านไปครึ่งทางแล้ว
ฉันจะรีบทำงานในเวลาที่เหลือให้ดีที่สุด อีกไม่นานฉันจะได้พักผ่อนวันหยุดแล้ว

... ฉันชอบเช้าวันพฤหัสบดี
เพราะเป็นวันที่ฉันเห็นความคืบหน้าของงานในสัปดาห์นี้มากมาย หากฉันไม่จัดการงานพวกนี้ บริษัทและทุกคนในบริษัทคงลำบากมาก ฉันรู้ว่าฉันมีส่วนร่วมในการผลักดันบริษัทของฉัน

... ฉันชอบเช้าวันศุกร์
เพราะฉันจะให้กำลังใจตัวเองว่านี่คือวันทำงานวันสุดท้ายแล้ว ฉันจะจัดการทุกสิ่งไม่ให้คั่งค้างเพื่อให้พรุ่งนี้และมะรืนนี้เป็นวันหยุดที่แสนสบาย

... ฉันชอบเช้าวันเสาร์
เพราะฉันจะตื่นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของเด็กบ้านใกล้ๆ ที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ฟังดูสดชื่นมีชีวิตชีวา จากนั้นฉันจะเริ่มทำความสะอาดบ้านและมองดูบ้านที่สะอาดขึ้นทีละน้อยอย่างภูมิใจ

... ฉันชอบเช้าวันอาทิตย์
เพราะฉันจะตื่นแต่เช้าเช่นกัน เพื่อเตรียมหุงหาอาหารใส่บาตรพระที่ผ่านมาหน้าหมู่บ้าน จากนั้นฉันจะไปซื้อของและกลับมาพักผ่อนที่บ้าน รอคอยสัปดาห์ใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้น

... ฉันชอบวันหยุดนักขัตฤกษ์
เพราะมันทำให้ฉันมีเวลาส่วนตัวให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น

... ฉันชอบรถติด
เพราะมันทำให้ฉันเพลิดเพลินกับการฟังเพลงวิทยุช่องโปรดและเหม่อมองสิ่งต่างๆ รอบตัวนานขึ้น

... ฉันชอบรถเมล์
เพราะฉันมองเห็นคนมากมายที่กำลังร่วมทางกันอยู่บนรถคันเดียวกัน แต่ละวันที่ได้พบกับผู้คนบนรถเมล์ฉันมักจะได้แง่คิดดีๆ จากการเงี่ยหูฟังพวกเขาคุยกันอยู่เสมอ

... ฉันชอบบ้านเช่าที่ฉันอยู่
เพราะมันดูกะทัดรัดดูแลทำความสะอาดได้ง่าย มีเพื่อนบ้านมากมายคอยช่วยเป็นหูเป็นตาให้

... ฉันชอบบ้านเดิมที่ต่างจังหวัด
เพราะมันห่างไกลจากความวุ่นวายในเมืองหลวง และฉันมักจะกลับไปพักผ่อนเติมพลังอยู่เสมอ เมื่อเหนื่อยล้าจากการใช้ชีวิตในเมือง

... ฉันชอบนิยายน้ำเน่า
เพราะมันทำให้ฉันผ่อนคลายและได้ล่องลอยไปในโลกความฝันบ้าง หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

... ฉันชอบหน้าร้อน
เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกถึงชีวิตชีวารอบข้าง เสียงแมลงต่างพากันร้อง นกต่างพากันบินออกหากิน
ดอกไม้เบ่งบาน

... ฉันชอบหน้าฝน
เพราะมันช่างดูอบอุ่นชุ่มเย็น การเฝ้ามองต้นไม้เขียวขจีต้องลมฝนจากใต้ชายคาบ้านฉันเป็นภาพที่สวยงามจริงๆ

... ฉันชอบหน้าหนาว
เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกเย็นสบาย ได้หยิบเสื้อหนาวสวยๆ ในตู้ออกมาใส่จะเดินออกไปไหนมาไหนก็กระชุ่มกระชวย นอนหลับก็สบายไม่ต้องเปิดพัดลม

... ฉันชอบมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนจบมา
เพราะมันไม่ค่อยมีชื่อเสียง หากฉันทำงานของฉันจนประสบความสำเร็จ ฉันจะกลายเป็นบุคคลที่สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยของฉันจะเป็นที่ยอมรับของทุกคน

... ฉันชอบคนรักของฉัน
เพราะเขาเป็นคนจริงใจพูดตรงไปตรงมา ไม่มีมารยา และทำให้ฉันเรียนรู้ที่จะเอาอกเอาใจเธอ

... ฉันชอบกรุงเทพ
เพราะที่นี่มีผู้คนมากมาย และมีบทเรียนใหม่ๆ ที่จะคอยสอนใจฉันอย่างไม่รู้จักจบสิ้น เหมือนกับที่มันเคยสอนฉันให้มองโลกอย่างมีความสุขมาแล้ว


ฉันมีความสุข...

ความสุขอยู่ในทุกหนแห่งและอยู่ที่ตัวฉันเอง...อยู่ที่ฉันจะตั้งใจมองหามันในทุกสิ่งรอบข้างเองหรือไม่เท่านั้น...

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์