เส้นผมบังภูเขา
มีชายสูงวัยคนหนึ่งกำลังนั่งสานพ้อม (ภาชนะทรงกลมขนาดใหญ่สานด้วยไม้ไผ่ ชาวบ้านใช้ใส่พันธุ์ข้าวเก็บไว้จนกว่าจะถึงฤดูทำนา) อยู่ใต้ต้นไม้ที่บ้านของตัวเอง โดยเข้าไปนั่งอยู่ข้างในพ้อมแล้วก็สานขึ้นรอบๆ ตัว
เขาสานด้วยความเพลิน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ปรากฏว่าพ้อมได้สูงท่วมหัวแล้ว ชายแก่ที่ผ่านโลกมานานตกอยู่ในภาวะที่อับจนด้วยปัญญา ไม่รู้จะออกจากพ้อมด้วยวิธีใด แม้จะพยายามหาทางออกอย่างไรก็คิดไม่ออก
พระอาทิตย์สูงขึ้นจวนถึงเที่ยงวัน ท้องไส้เริ่มปั่นป่วนเพราะความหิว แต่ชายชราก็ยังอับจนหนทางที่จะออกจากพ้อมอยู่ดี เผอิญเหลือบไปเห็นเด็ก ๒-๓ คนกำลังเล่นกันอยู่บริเวณนั้น เด็กเหล่านั้นก็คือหลานของแกเอง
แต่ก็ยังมองไม่เห็นว่าเด็กๆ จะช่วยตนได้อย่างไร เพราะขนาดตัวเองเป็นผู้ใหญ่แท้ๆ ก็ยังคิดไม่ออก ทว่าเพื่อเป็นการเสี่ยงดวง จึงได้ตะโกนพูดกับเด็กเหล่านั้น
“นี่ไอ้หนู ลองทายซิว่าตาจะออกจากพ้อมได้อย่างไร ถ้าใครทายถูกจะให้ ๑ บาท”
เด็กทุกคนหันไปมองชายแก่ด้วยความประหลาดใจ พวกเขาอาจจะสงสัยว่า ทำไมถึงถามปัญหาง่ายๆ เช่นนี้ เด็กคนหนึ่งจึงตอบด้วยความมั่นใจเต็มร้อยว่า
“ไม่เห็นจะยากอะไรเลยครับ คุณตาก็ล้มพ้อมลงนอนกับพื้นก่อน เสร็จแล้วก็คลานออกมา เท่านี้ก็สิ้นเรื่องแล้วครับ”
ชายแก่ได้ยินแล้วก็หัวเราะหึๆ เพราะคำตอบของเด็กน้อยช่างง่ายดายและถูกต้องจนไม่น่าเชื่อ แต่เพื่อไว้เชิงคนแก่ เขาจึงตอบแบบไว้ลายหน่อย
“คำตอบของเอ็งถูกต้อง ตรงกับที่ตาคิดไว้ไม่มีผิด เอ้า ! เอารางวัลไปบาทหนึ่ง”
ข้อคิด...
บางครั้งปัญหาของชีวิตก็เกิดจากเรื่องเล็กๆ ที่เราไม่เคยมอง กระทั่งก่อตัวเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในเวลาต่อมา เศษผงเล็กๆ ที่เข้าตาคนอื่น เรามักจะช่วยเอาออกจากตาของเขาได้ แต่เมื่อปัญหาอันเปรียบเป็นผงเล็กๆ ที่เข้าตาตัวเอง เรากลับมีความรู้สึกว่ามันช่างยากลำบากที่จะทำให้ออกไปจากตาได้ ดังนั้น เราจึงไม่ควรมองข้ามปัญหาเล็กๆ ที่อยู่ชิดใกล้ แต่ควรรู้จักมองปัญหาที่ใกล้ตัวด้วยใจที่มีพิจารณญาณ เพื่อที่จะไม่ให้สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ยิ่งในโอกาสต่อไป
ที่มา : ธรรมจักร