อาหารไทยไม่เพียงให้ความอร่อย ยังแก้หวัดได้ มีหลายๆ คนเป็นหวัดเรื้อรัง จึงมีคำถามมาว่า กินอาหารประเภทไหนดี จึงจะต้านหวัดได้และทำให้บรรเทาการเจ็บคอ ไอ และน้ำมูก หลายๆ คนบอกว่ากินส้มมากๆ จะช่วยให้หายหวัด เพราะส้มมีวิตามินซี แต่ความจริงแล้วอาหารที่มีวิตามินซีต้องกินทุกๆ วัน จะป้องกันการเป็นหวัดได้ แต่ถ้าเป็นแล้ววิตามินซีช่วยน้อยมาก แต่ถ้าเรากินอาหารครบห้าหมุ่ และกินผลไม้และผักที่มีวิตามินซีสูงเป็นประจำ โอกาสที่จะเป็นหวัดน้อยกว่าคนที่ไม่ชอบกินผลไม้และผักที่มีวิตามินซี
ถ้าจะสรุปง่ายๆ ก็พูดได้ว่าวิตามินซีป้องกันหวัดได้ ถ้ารู้ตัวว่าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ติดหวัด เป็นหวัดง่าย ก็ต้องกินผักและผลไม้ให้วิตามินซีมากๆ เช่น ส้ม มะละกอสุก มะม่วง ฝรั่ง สับปะรด ส้มโอ ชมพู่ พุทรา มะขาม แตงโม ฯลฯ
ถ้าเป็นแล้ว นอกจากพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว ควรดื่มน้ำอุ่น กินอาหารให้ครบคุณค่า คืออาหารประเภทผัก ผลไม้ อาหารประเภทมีเส้นใย เพื่อไม่ให้ท้องผูก
คือต้องให้ขับถ่ายปกติ ถ้าท้องผูกจะทำให้อาการหวัดเพิ่มขึ้น อาหารที่ช่วยไล่น้ำมูก หายคัดจมูก ทำให้จมูกโล่ง คืออาหารที่มีรสเผ็ด คืออาหารที่มีส่วนประกอบของเครื่องปรุงที่ใช้พริก เช่น พริกไทย พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู พริกแห้ง เมื่อกินอาหารที่มีรสเผ็ด น้ำมูกน้ำตาจะไหล เมื่อน้ำมูกไหลก็ทำให้การหายใจสะดวกโล่งจมูก คนไทยเรามีวิธีกินพริกให้อร่อยอย่างมีสุนทรีย์ คือไม่ใช่เคี้ยวพริกเปล่า คุณกินเมี่ยงคำ กินพริกให้มากกว่าปกติและกินขิงแก่ๆ ที่มีรสเผ็ด กินต้มยำกุ้งก็กินพริกขี้หนูในต้มยำกุ้ง หรือกินแกงเลียงที่ใส่พริกไทยมากกว่าปกติ หรือกินส้มตำใส่พริกขี้หนูมากกว่าปกติ เติมพริกป่นลงในผัดไทย หมี่กะทิ ผัดกะเพรา หรือลาบต้มแซบใส่พริกป่นพริกแห้งทอดมากๆ ใส่ทั้งใบกะเพรา ใบโหระพา เพียงแค่นี้รับรองได้ว่าหายมึนศรีษะ โล่งจมูก ดีกว่าหายาลดน้ำมูกที่กินแล้วหายๆ คืนๆ
การกินอาหารประเภทใส่พริกหรืออาหารที่มีรสเผ็ด ไม่ต้องกินอย่างเคร่งครัดที่ต้องกินทุกมื้อ กินวันละมื้อ หรือ 2 วัน หนึ่งมื้อ ก็คิดว่าเพียงพอ
นอกจากนี้ก็มีหัวหอม กระเทียม ช่วยรักษาการเจ็บคอ คันคอได้ เจ็บคอมีความจำเป็นต้องใช้เสียง คือสอนหนังสือ จึงละลายเกลือกับน้ำอุ่นแล้วกลั้วคอ กลืนและดื่ม ตัดใจเคี้ยวกระเทียมสดๆ 4-5 กลีบ กระเทียมไทย ก่อนเข้าชั้นสอบปรากฏว่าอาการคันคอ เจ็บคอไม่รบกวนขณะที่ใช้เสียง ไม่เสียมารยาทที่ต้องกระแอมกระไอ สลับฉากการอธิบาย
คนไทยที่เป็นนักวิชาการ เขาไม่เชื่ออะไรง่ายๆ จนกว่าผลงานวิจัยจะออกมาแม้แต่สอนทำอาหารอธิบายว่าการทำอาหาร เช่น แกงส้ม ก่อนจะใส่น้ำพริกลงในหม้อต้องให้น้ำเดือดก่อน มิฉะนั้นน้ำแกงจะไม่หอมและได้กลิ่นน้ำพริกแกงแบบไม่สุก นักวิชาการถามว่ามีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์หรือเปล่า การทำอาหารเป็นทั้งศาสต์และศิลป์ กว่าจะได้กินแกงก็คงต้องใช้เวลาอธิบายเป็นชั่วโมง
สมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อทรงประชวรโรคหวัด ห้องเครื่องก็จะต้มจิ๋วให้เสวยซึ่งเป็นทั้งพระกระยาหารและพระโอสถ
เพราะในเครื่องปรุงมีทั้งพริก หัวหอม ใบโหระพา ใบกะเพรา น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว ปัจจุบันรู้กันว่าจากผลงานวิจัย เหตุที่หัวหอมและกระเทียมช่วยบรรเทาหวัดได้ ผลมาจากสารเคมีที่อยู่ในหัวหอมและกระเทียม อาหารที่ใช้หัวหอมและกระเทียมเป็นส่วนผสม เช่น ลาบ พล่าเนื้อ พล่ากุ้ง แสร้งว่า ยำไข่ต้ม ยำปลากระป๋อง ปลานึ่ง มะนาวกระเทียมสด ต้มยำไก่บ้าน ต้มยำปลาช่อน เป็นต้น
หัวหอมทำให้หายใจโล่ง จำได้ว่าเมื่อตอนเด็กๆ คุณย่าจะตำหัวหอมใส่ถ้วยเล็กๆ วางไว้ในมุ้งครอบน้องชาย ตอนนั้นเขาอายุประมาณ 10 เดือน เพราะน้องชายเขาคัดจมูก เป็นหวัด คุณย่าทำแบบนี้ 3-4 วัน อาการคัดจมูกก็หายไป ไม่ทราบว่าคุณย่ารู้ได้อย่างไร
นอกจากนี้แพทย์แผนไทยบอกไว้ว่ากะเพราะช่วยรักษาหวัดได้ เพราะความเผ็ดร้อนของกะเพรา
เรามีวิธีกินกะเพราให้อร่อยไม่เพียงแต่ใส่ในผัดกะเพรา คุณลองทำต้มปลาสมุนไพร ใส่หัวหอมบุบ ใส่ตะไคร้ซอย ใบมะกรูด ใบกะเพรา และพริกขี้หนูบุบ 2-3 เม็ด ลงในน้ำแกง แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว ให้รสจัดๆ ช่วยลดอาการของหวัดได้อย่างดี อาหารที่ใส่กะเพรามีหลายอย่าง เช่น แกงป่า ต้มแซบ เป็นต้น
เมื่อเป็นหวัดต้องดื่มน้ำมากๆ น้ำธรรมดาที่สะอาด ไม่จำเป็นต้องเป็นน้ำแร่ ดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำสมุนไพร เช่น น้ำตะไคร้ น้ำกะเพรา น้ำมะตูม ต้ำใบเตย ไม่ควรดื่มน้ำเย็น น้ำเย็นทำให้อาการเจ็บคอเพิ่มขึ้น บางครั้งเสียงจะหายไปเพราะกินของเย็นหรือดื่มของเย็นๆ เป็นหวัดควรจิบน้ำอุ่นหรือเครื่องดื่มสมุนไพรอุ่นๆ ตลอดเวลา จะช่วยให้ชุ่มคอ เป็นหวัดต้องดื่มน้ำอุ่นเป็นพิเศษ อย่างน้อยวันละ 10 แก้ว
ตอนเป็นหวัดเคยดื่มนม เพราะคิดว่าต้องบำรุงร่างกาย ปรากฏว่าอาการไม่ค่อยดี คนอื่นอาจจะไม่เป็น อาหารไทย ของดีในครัวไทย ไม่เพียงแต่ให้ความอร่อย มีชีวิตชีวาในการกินเท่านั้น ยังมีสรรพคุณทางยา ลองดูนะคะ ถ้าเกิดอาการจะเป็นหวัดก็ลองทำอาหารที่เสนอแนะ |