
"นาร์กีส (Cyclone Nargis)" เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงร้ายกาจของ "พายุหมุนเขตร้อน" ที่มีต่อมนุษย์ได้ดีที่สุดตัวอย่างหนึ่ง แต่นาร์กีสไม่ใช่อิทธิปาฏิหาริย์ หรือการลงโทษของพระผู้เป็นเจ้าต่อผู้หนึ่งผู้ใด ประเทศหนึ่งประเทศใด ตรงกันข้าม มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติสภาวะ เติบใหญ่มีอิทธิฤทธิ์ร้ายแรงโดยธรรมชาติ และเคลื่อนตัวไปในทิศทางซึ่งกำหนดโดยสภาวะแวดล้อมของธรรมชาติด้วยเช่นเดียวกัน
หากจะยึดถือว่าเป็นการลงโทษ นาร์กีส จึงน่าจะเป็นการลงโทษของธรรมชาติต่อมนุษยชาติมากกว่าอย่างอื่น
ต่อไปนี้คือคำอธิบายโดยสังเขปถึงธรรมชาติ สภาวะที่กอปรขึ้นเป็นองคาพยพของ "นาร์กีส" ที่เป็น "องคาพยพแห่งความตาย" ของชาวพม่านับหมื่นนับแสนคน
0ไซโคลน, ไต้ฝุ่น และเฮอร์ริเคน
ไซโคลน, ไต้ฝุ่น และเฮอร์ริเคน เป็นพายุหมุนในเขตร้อนทั้งหมด ถิ่นกำเนิดของมันมักอยู่ในมหาสมุทรบริเวณใกล้กับเส้นศูนย์สูตร ที่ซึ่งมีอุณหภูมิของน้ำสูง (27 องศาเซลเชียสหรือมากกว่า) และเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "คอริโอลิส เอฟเฟ็คต์" รุนแรง
อุณหภูมิสูง ทำให้เกิดการสะสมของไอน้ำ ก่อตัวเป็นเมฆและฝน "คอริโอลิส เอฟเฟ็คต์" เป็นต้นเหตุให้มันหมุน ยิ่งสะสมยิ่งมีขนาดใหญ่ ยิ่งหมุนเร็วและรุนแรงมากขึ้น
"คอริโอลิส เอฟเฟ็คต์" เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพราะเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากการที่ "โลกหมุน"
การหมุนของโลก ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง เมื่อโลกหมุนอะไรก็ตามที่เคลื่อนที่อยู่บนผิวโลกจะถูกแรงเหวี่ยงจากการหมุนของโลก กระทบให้หันเหทิศทาง หากสิ่งนั้นเคลื่อนที่อยู่ในซีกโลกตอนเหนือของเส้นศูนย์สูตร มันจะเหไปทางขวา หากเคลื่อนที่อยู่ในซีกโลกทางใต้เส้นศูนย์สูตรลงมามันจะเหไปทางซ้าย
สัณฐานที่โป่งกลางเหมือนผลส้มของโลก ทำให้แรงเหวี่ยงบริเวณเส้นศูนย์สูตรและพื้นที่ใกล้เคียงสูงมากกว่าที่อื่น ทำให้ "คอริโอลิส เอฟเฟ็คต์" บริเวณนี้รุนแรงกว่าพื้นที่อื่น
พายุหมุนในเขตร้อน มักเกิดขึ้นบ่อยๆ ในแหล่งจำเพาะที่มีธรรมชาติสภาวะเอื้อต่อการเกิด เช่น บริเวณนอกชายฝั่งด้านตะวันตกของทวีปแอฟริกา มักเคลื่อนตัวขึ้นเหนือผ่านหมู่เกาะแคริบเบียนไปขึ้นฝั่งบริเวณรัฐฟลอริดา หรือข้ามอ่าวเม็กซิโกไปยังรัฐหลุยเซียน่าของสหรัฐอเมริกา
พายุหมุนในบริเวณดังกล่าวเรียกว่า "เฮอร์ริเคน"
บริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนล่าง ใกล้กับเส้นศูนย์สูตรก็เป็นแหล่งกำเนิดพายุหมุน มักเคลื่อนตัวขึ้นเหนือเข้าถล่มบังกลาเทศ หรือในกรณีของนาร์กีส ก็คือชายฝั่งด้านตะวันตกของพม่าและไทย
พายุหมุนในบริเวณนี้ เรียกกันว่า "ไซโคลน"
พื้นที่กว้างใหญ่บริเวณทะเลจีนใต้ก็เกิดพายุหมุนขึ้นบ่อยครั้งเช่นเดียวกัน มักเคลื่อนตัวเข้าถล่มฟิลิปปินส์ เข้าสู่ชายฝั่งด้านตะวันออกของเวียดนาม หรือเลยขึ้นไปทางเหนือถล่มไต้หวัน หรือพื้นที่บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของจีน
พายุหมุนในบริเวณนี้ ถูกขนานนามว่า "ไต้ฝุ่น"
0 นาร์กีส เริ่มต้นได้อย่างไร?
น่าสนใจอย่างยิ่งที่ลมพายุรุนแรงอย่างนาร์กีส เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อเกิดสภาวะลมสงบหรือบางเบา เปิดโอกาสให้ความชื้นในอากาศรวมตัวเข้าเป็นเมฆ
หากภาวะลมสงบคงอยู่นานพอที่จะไม่พัดเมฆที่เพิ่งก่อตัวกระจายไปก่อน มันก็จะเริ่มสะสมและขยายตัวใหญ่ขึ้น
อุณหภูมิสูงของน้ำและอากาศในบริเวณพื้นผิวทำให้น้ำระเหยเพิ่มมากขึ้น ความกดอากาศในบริเวณดังกล่าวเบาบางลง มวลอากาศเคลื่อนที่ขึ้นสู่ด้านบนและมีมวลอากาศที่เย็นกว่าไหลเข้ามาแทนที่อย่างต่อเนื่อง
เเละสืบเนื่องเพราะ "คอริโอลิส เอฟเฟ็คต์" อากาศที่เคลื่อนเข้ามา ถูกเหทิศทางไปทางขวาเรื่อยๆ มวลอากาศที่เคลื่อนตัวชักนำให้เมฆเริ่มเคลื่อนตัวหมุนไปในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา
(ดูภาพประกอบที่ 1)
0 ดีเปรสชั่น
เมื่อมวลอากาศที่เต็มไปด้วยความชื้นจากไอน้ำที่ระเหยจากทะเลหรือมหาสมุทรเคลื่อนตัวขึ้นสู่ด้านบน มันจะเริ่มเย็นตัวลงไอน้ำเริ่มควบแน่นรวมตัวเข้าเป็นหยดน้ำและเป็นฝนในที่สุด
ในกระบวนการควบแน่นของไอน้ำเพื่อกลายเป็นฝนนั้น จะมีการปลดปล่อยความร้อนแฝงออกมาเมื่อมีการเปลี่ยนสถานะจากไอน้ำเป็นน้ำและฝน ผลลัพธ์ก็คือ ความร้อนแฝงที่ปลดปล่อยออกมาทำให้บริเวณโดยรอบอุ่นขึ้นกว่าเดิมและขยายบริเวณกว้างออกไปกว่าเดิม
อาณาบริเวณของก้อนเมฆก็ยิ่งขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ใหญ่ขึ้นตามไปด้วย
และเนื่องจากมวลอากาศร้อนจะเบากว่ามวลอากาศเย็น มันจะลอยตัวขึ้นสูงและจะดูดเอาอากาศเย็นโดยรอบเข้ามาแทนที่เพิ่มมากขึ้น ความเร็วของลมที่ถูกดูดเข้าหาศูนย์กลางเพิ่มมากขึ้น ความเร็วของการหมุนของเมฆทวีขึ้น
สภาวะนี้รู้จักกันในชื่อ ดีเปรสชั่นเขตร้อน หรือที่เราคุ้นมากกว่าในชื่อ "พายุดีเปรสชั่น" นั่นเอง
(ดูภาพประกอบที่ 2)
0 พายุโซนร้อน
หากสภาวการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่อง เมฆก้อนนั้นจะยิ่งเพิ่มความกว้างและความหนามากขึ้นเรื่อยๆ กำลังลมที่ถูกดูดวนเข้าหาศูนย์กลางทวีขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อใดก็ตามที่ความเร็วลมดังกล่าวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ระหว่าง 35-64 น็อต (63-117 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และตัวพายุจะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เริ่มเป็นวงกลมมากขึ้น มันจะนำพาตัวเองเข้าสู่อีกขั้นตอนหนึ่ง นั่นคือการกลายสภาพเป็น "พายุโซนร้อน"
โดยทั่วไปแล้ว นักอุตุนิยมวิทยาจะเริ่มตั้งชื่อมันอย่างเป็นทางการ เพื่อใช้ในการติดตามพัฒนาการของมันอย่างใกล้ชิดต่อไป
(ดูภาพประกอบที่ 3)
0 ไซโคลน
ถ้าหากสภาวะแวดล้อมยังไม่เปลี่ยนแปลง กระบวนการการเกิดพายุหมุนก็จะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องสั่งสมความรุนแรงและความเร็วมากขึ้นตามลำดับ เมื่อใดก็ตามที่มันสามารถคงความเร็วลมไว้ที่ 64 น็อต (117 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ขึ้นไปได้ ก็จะถูกเรียกขานอย่างเป็นทางการว่า "พายุไซโคลน" (หรือไต้ฝุ่น หรือเฮอร์ริเคน)
โดยทั่วไปแล้ว ขนาดของไซโคลนจะกว้างราว 500 กิโลเมตร แต่อาจมากหรือน้อยกว่านั้นได้หลากหลายขนาดมาก
ขนาดไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ถึงความรุนแรงและอำนาจทำลายล้างของมัน ตรงกันข้าม เฮอร์ริเคนแอนดรูว์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 100 ปี กลับมีขนาดค่อนข้างเล็กด้วยซ้ำไป
(ดูภาพประกอบที่ 4)
0 ที่ใจกลางพายุ
หากเราตัดขวางก้อนเมฆพายุหมุนเพื่อเข้าไปตรวจสอบดูภายใน จะพบเห็นเมฆพายุหนาทึบบิดตัววนเป็นวง ด้านล่างลงไปจะเต็มไปด้วยฟ้าแลบ ฟ้าผ่า และพายุฝนหนักหน่วงรุนแรง ที่ใจกลางคือบริเวณ "ดวงตา" พายุ ซึ่งเป็นบริเวณที่ค่อนข้างนิ่งโดยมีทุกอย่างหมุนวนอยู่โดยรอบเป็นกำแพงแห่งความโกลาหล ยิ่งลมพายุหมุนคว้างโดยรอบใจกลางของพายุมากเท่าใด คอริโอลิส เอฟเฟ็คต์ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจนกักล้อมไม่ให้อากาศเข้าถึงบริเวณ "ดวงตา" พายุ ได้แต่โค้งเป็นวงอยู่โดยรอบ จะมีก็แต่อากาศเบาบางที่ไหลลงมาจากด้านบน บริเวณ "ดวงตา" ของพายุจึงมักเห็นท้องฟ้าโปร่ง แจ่มใส และความเร็วลมต่ำอย่างยิ่ง
(ดูภาพประกอบที่ 5)
0 เส้นทางหายนะแห่งนาร์กีส
นาร์กีส เริ่มก่อตัวเป็นพายุโซนร้อนในมหาสมุทรอินเดียเมื่อราวปลายเดือนเมษายน ถึงวันที่ 28 เมษายน มันเคลื่อนตัวขึ้นเหนือ อยู่นอกชายฝั่งห่างจากเมืองเชนไน (มัทราส เดิม) ของอินเดียราว 544 กิโลเมตร ในบริเวณอ่าวเบงกอล
ถึงตอนนั้นความเร็วลมของมันทวีขึ้นจนกลายเป็นพายุไซโคลน และได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า "นาร์กีส"
วันที่ 1 พฤษภาคม นาร์กีสเปลี่ยนทิศทางแทนที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวเบงกอลและบังกลาเทศอย่างที่คาดหมายกันในตอนแรก มันเริ่มเหออกไปในทิศทางตะวันออกเฉียงเหนือ
เที่ยงคืนวันที่ 2 พฤษภาคม นาร์กีสขึ้นฝั่งที่บริเวณพื้นที่ที่ราบลุ่มสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิระวดี ด้วยความเร็วลม 216 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
0 อำนาจทำลายล้าง
เราจำแนกระดับของพายุหมุนในเขตร้อนด้วยมาตรวัดที่เรียกว่า "ซาฟฟีร์-ซิมป์สัน สเกล" ซึ่งจัดระดับของไซโคลน, ไต้ฝุ่น หรือเฮอร์ริเคน ออกเป็น 5 ระดับ ขึ้นอยู่กับอำนาจการทำลายล้างที่คาดว่ามันจะก่อให้เกิดขึ้นได้ และจำแนกโดยอาศัยความเร็วลมของพายุเป็นหลัก
นอกจากนั้น ในขณะที่เกิดพายุหมุน พลังลมของมันจะดึงดูดให้น้ำทะเลในบริเวณใกล้เคียงหนุนสูงขึ้นมาด้วย มากน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับสภาพของพื้นที่ไหล่ทวีปตามแนวชายฝั่งในบริเวณนั้น
ระดับของไซโคลนมีดังนี้
ระดับ 1 ความเร็วลม 74-95 ไมล์ต่อชั่วโมง (118-152 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) น้ำทะเลหนุนสูง 1.5 เมตร อาจก่อให้เกิดความเสียหายกับต้นไม้ ไม้พุ่ม หรือบ้านเรือนที่ไม่แข็งแรง
ระดับ 2 ความเร็วลม 96-100 ไมล์ต่อชั่วโมง (153-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) น้ำทะเลหนุนสูง 2.5 เมตร บ้านเรือนที่ไม่มีหลักยึดที่แข็งแรงได้รับความเสียหายหนัก หลังคาบ้านเรือนส่วนใหญ่ได้รับความเสียหาย ต้นไม้โค่น
ระดับ 3 ความเร็วลม 111-130 ไมล์ต่อชั่วโมง (178-208 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) น้ำทะเลหนุนสูง 4 เมตร บ้านเรือนที่ไม่แข็งแรงเสียหายอย่างรุนแรง ต้นไม้ขนาดใหญ่โค่น อาคารขนาดเล็กที่ปลูกสร้างอย่างแข็งแรงได้รับความเสียหาย
ระดับ 4 ความเร็วลม 131-155 ไมล์ต่อชั่วโมง (209-248 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) น้ำทะเลหนุนสูง 5.5 เมตร บ้านเรือนไม่แข็งแรงเสียหายโดยสิ้นเชิง โครงสร้างที่แข็งแรงได้รับความเสียหายหนัก พื้นที่บริเวณชายฝั่งถูกน้ำทะเลท่วม
ระดับ 5 ความเร็วลม เกินกว่า 155 ไมล์ต่อชั่วโมงขึ้นไป (248 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป) น้ำทะเลหนุนสูงเกินกว่า 5.5 เมตร บ้านเรือนขนาดเล็กถูกพัดหายไปกับพายุ บ้านเรือนทุกรูปแบบได้รับความเสียหายโดยสิ้นเชิง พื้นที่ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลน้อยกว่า 4.5 เมตร จะถูกน้ำท่วมอย่างหนัก
นาร์กีส จัดเป็นไซโคลนระดับ 4 เท่านั้น แต่สร้างความเสียหายมหันต์ให้กับพม่า
1.รถบรรทุกครอบครัวผู้ประสบภัย อพยพออกจากเมืองเดดาเย
2.สภาพความเสียหายของหมู่บ้านริมปากแม่น้ำอิรวดี
3.ยังไม่รู้จะทำอย่างไร หลังสูญบ้าน
4.เด็กๆ ไร้บ้านอาศัยวัดในหมู่บ้านกอว์ฮมู
5.กินข้าวที่ได้รับบริจาคในเมืองฮเลียง ธายาร์
6.วัดในเมืองลาบุตตาเต็มไปด้วยชาวบ้านที่ไร้ที่อยู่
Cyclone Nargis
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday