การถ่ายรูปแอ๊บแบ๊วเป็นส่วนผสมของการถ่ายรูปบุคคล (หรือ Portrait)กับภาพ Close-up โดยไม่ทราบที่มาแน่ชัด แต่หลักการของการถ่ายรูป แอ๊บแบ๊วนั้น จัดได้ว่าถ่ายง่ายมาก แต่บางทีก็ติดที่ข้อจำกัดของตัวแบบเอง หรือขีดความสามารถทางด้านการสร้างสรรค์มุมกล้อง และมันสมองคนถ่าย ซึ่งก็มีทฤษฎีหนึ่งที่เชื่อกันว่า ท่าทางแอ๊บแบ๊วนั้นมาจากพฤติกรรมของสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์น้ำครับ ซึ่งผมจะอธิบายไว้ในช่วงถัดไปว่ามันมีที่มายังไงอีกที แล้วผลก็คือเมื่อนำมารวม ๆ กันแล้วก็จะได้ท่าที่เรียกได้ว่า 'แอ๊บแบ๊ว' ออกมา กลายเป็นมุมกล้องที่ดูน่ารัก น่าหยิกที่สุด เท่าที่สมองมนุษยชาติ(บางคน)จะคิดได้
อุปกรณ์ก่อนแอ๊บแบ๊ว
กล้องถ่ายภาพ ซึ่งก็ควรจะเป็นกล้องโทรศัพท์มือถือ หรือกล้อง Compact เท่านั้น เพราะการใช้กล้องระดับ Digital SLR นั้น มีแต่จะก่อให้เกิดอุปสรรคในการถ่ายรูป ถ้ากล้องไม่ตกใส่กบาลจนหัวแตกเลือดซิบ แขนที่ถือกล้องอยู่ก็อาจมีกล้ามขึ้นได้ ที่สำคัญไม่ได้ไปถ่ายภาพสารคดีหมีควาย ไม่ต้องไปใช้กล้องเทพระดับพระเจ้าก็ได้
หลักการแห่งการถ่ายรูปแอ๊บแบ๊ว
การถ่ายภาพแอ๊บแบ๊วนั้นไม่ยาก แต่ถ่ายอย่างไรให้ดูน่าหยิกอันนี้สิที่ยากยิ่งกว่า เนื่องจากบางคนหน้าตาชวนให้แสดงออกพฤติกรรมที่รุนแรงยิ่งกว่าหยิกหรือจับ หลักการดังกล่าวจะช่วยให้ท่านแอ๊บแบ๊วได้ง่ายดายแม้หน้าตาท่านจะ Abnormal โดยรูปแบบการถ่ายภาพแอ๊บแบ๊วนั้นมีหลักการง่าย ๆ (แต่สำคัญ)ในการถ่ายดังนี้
มุมแอ๊บแบ๊ว
ซึ่งมุมกล้องแบบนี้เราเรียกว่าอีกอย่างว่ามุมกล้องแอ๊บแบ๊ว หรือ Abbeaw Shot คือคนจะแอ๊บแบ๊วได้ต้องใช้มุมกล้องในพิกัดนี้เท่านั้น เนื่องจากผมยังไม่เคยเห็นคน แอ๊บแบ๊วคนไหนจะถ่ายแบบสะพานโค้ง หรือแบบลอดขาถ่าย เราจึงกะระยะได้เท่านี้ ที่สำคัญมุมกล้องนี้ถ่ายเองได้ เพราะสามารถใช้มือเดียวในการกดชัตเตอร์ได้สบาย ๆ โดยมุมที่นิยมมากที่สุดคือมุมสูง (ประมาณ 30o-50o) เพราะจะทำให้หน้าตาดูแบ๊วได้ใจ ที่มุมกล้องในระดับนี้ได้รับความนิยม คาดว่าน่าจะมาจากปัจจัยที่ทำให้ใบหน้าโดดเด่นได้รูปเป็นที่สุด มุมกล้องที่ถูกหลักมาตรฐานแอ๊บแบ๊วสากล
แอ๊บแบ๊ว ตาต้องโตเหมือนเอเลี่ยน แก้มต้องชมพูเหมือนตูดลิง ต้องทำปากเหมือนรูทูด และชู2นิ้วแสดงความแบ๊ว
การแต่งหน้าแอ๊บแบ๊ว
ถ้าท่านรู้ตัวว่าหน้าตาท่านไม่ดี เหมือนผีตายทั้งกลมชุบแป้งทอด ก็ขอให้ท่านแต่งหน้าด้วย การแต่งหน้าแบบแอ๊บแบ๊วจะไม่ยากมาก ก็คือแต่งหน้าธรรมดา ๆ ไม่ต้องถึงขั้นลิเกนั่นแหละ คือไม่ต้องรองพื้นมากเหมือนโรยปูนขาวในงานกีฬาสี เอาบาง ๆ ก็พอ ถ้าพ่อไม่ได้ทำแป้งขาย ที่ต้องขับเน้นก็คือรอบดวงตา เพราะจะต้องทำตาโต เหมือนกับที่บ้านถูกหวยแจ๊กพ็อต 38 ล้าน แก้ม...อันนี้สำคัญ ทางที่ดีแก้มควรจะมีสีแดงระเรื่อ เป็นแก้มก้นโดนเตะด้วยรองเท้า Combat ริมฝีปาก อันนี้ก็ใช่ ให้ทาลิปมันไว้ด้วย อย่าให้คล้ำซีด ถ้าไม่มีลิปให้ต่อยปากเอาู รับรองแดงได้ใจ
การทำหน้าแอ๊บแบ๊ว
สำหรับการทำหน้าให้ถูกสนธิสัญญาแอ๊บแบ๊วสากลนั้น หลักใหญ่ใจความไม่ยากมากนักหรอก คือการทำหน้ามันไม่ยากนะครับ มันก็จะประมาณเอาสัตว์น้ำหลาย ๆ ชนิดมาผสมข้ามพันธุ์กันดังนี้
ดวงตา: จะคล้าย ๆ ปลาตีนใครเคยเห็นปลาตีนคงรู้ดี เพราะตามันโตใสแบ๊วมาแต่ไกลเลย
แก้ม : เหมือนปลาทองแต่เป็นปลาทองตะกระที่อมซากุระไว้ในกระพุ้งแก้มแบบเต็มความจุนะ
ปาก : ปลาซัคเกอร์(ปลาเทศบาล) คือทำปากให้ประมาณว่าจะเล็มตะไคร่ที่หน้าดินใต้น้ำได้สบาย ๆ
รวม ๆ แล้ว = จาจาบิงส์จาก Star Wars: Episode I - The Phantom Menace...
การจัดท่าทาง
บางคนการแสดงออกทางสีหน้ายังไม่แบ๊วพอ จึงต้องใช้ท่าทางเข้าช่วยเพื่อเสริมพลังแอ๊บแบ๊ว โดยการออกไม้ออกมือจะช่วยท่านได้ การเอานิ้วจิ้มแก้ม หรือทำตัววี (Victory) เป็นท่าสิ้นคิด ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่หนีกันไปไหน ท่าก็จะสิ้นคิดคล้าย ๆ กัน บ่งบอกถึงระดับสติปัญญาคนทำท่า ว่าลอก ๆ ตามกันมา จนกลายเป็นรูปแบบพื้นฐาน ใครคิดท่าอื่นจะผิดผี หาใช่วิถีแห่งแอ๊บแบ๊วไม่
การตกแต่งภาพ
จากผลสำรวจบอกว่าร้อยละ 35% ขึ้นไปของผู้แอ๊บแบ๊ว จะต้องเอาภาพผ่านโปรแกรมตัดต่อรูป เนื่องจากการถ่ายภาพแอ๊บแบ๊วส่วนใหญ่นั้น จะเป็นการถ่ายแบบ Close Up คือถ่ายระยะประชิด ดังนั้นสิวเสิว ตีนกงตีนกา ขอบตาคล้ำมันจะออกมาหมด แถมบางทีจะชัดยิ่งขึ้นด้วยแสง Flash จึงต้องนำเข้าสู่ photoshop ในกระบวนการที่เรียกว่าลวงโลก...เอ้ย...การปรับลดจุดบกพร่อง...
ข้อเสียคือ...ใครเข้าสู่วิธีการนี้แล้ว'มักหยุดไม่ได้'เพราะมันส์มือมาก แต่งภาพกันสนุกสนาน มีสิวลบสิว มีตีนกาก็ทำหน้าเด้ง อ้วนไปก็บีบภาพซะ หน้าดำไปก็ทำให้สว่าง ซึ่งพอทำไปทำมาแล้ว บางทีออกมาแล้วไม่ใช่คนเดิม หรืออาจถึงขั้น'ไม่ใช่คน' คือใสมาก เหมือนตุ๊กตา ใสจนควายดูก็รู้ว่าแต่งภาพ
เคล็ดลับ "แอ๊บแบ๊ว"
ดวงตา
จากที่เคยมี ลูกตาขนาดปกติไม่ว่าขนาดใดก็ตาม คนที่ "แอ๊บแบ๊ว" จะมีดวงตาโตกลมบ้องแบ๊ว (จนคล้ายเอเลี่ยน) เกิดประกายวิบวับขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ (สันนิษฐานว่าเป็นที่มาของคำว่าแอ๊บแบ๊วนั่นเอง) ถ้านึกภาพไม่ออก แนะนำให้ไปดูเอ็มวีเพลงปู ของเนโกะ กัมพ์ อะโนโนโน่ อย่างนี้ไม่ดี... ช็อตทื่สองสาวเล่นกับกล้อง นั่นแหละใช่เลย!
อุปกรณ์เสริมความแบ๊วในข้อนี้ได้แก่
ที่ดัดขน ตา,มาสคาร่า และอายไล เนอร์ ที่จะช่วยขับให้ตาแบ๊วขึ้นอย่าง น่าอัศจรรย์ เดี๋ยวนี้มีคอนแท็คเลนส์ประเภทเพิ่มขนาดลูกตาดำด้วย... บร๊ะเจ้า...
แต่มีข้อแม้ว่า ควรมีทักษะในการเสริมแต่งนิดนึง เพราะเคยเห็นสาวๆหลายคน ทามาสคาร่าหนาเป็นปื้น ขนตาจับเป็นก้อนๆเหมือนขาแมลงวัน อันนั้นออกแนวสยอง เมื่อตาโตขึ้นแล้ว อวัยวะข้างเคียงที่จะมีผลกระทบก็คือ คิ้ว ที่จะเลิกขึ้นนิดๆ หัวคิ้วจะหดเข้าหากันนิดนึง นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนแอ๊บแบ๊วมีสีหน้าดูสงสัย ไร้เดียงสาอยู่ตลอดเวลา สายตาแบบนี้เพื่อนชายหลายคนของอิชั้นสารภาพว่าเห็นแล้วถึงกับร้องอ๊าง อิคุ อิคุ
แก้ม
อยากรู้จัง ว่าใครคือมนุษย์คนแรกที่ตัดสินว่า ผู้หญิงแก้มป่องคือผู้หญิงน่ารัก แก้มป่องจึงเป็นอาการแบ๊วอันดับสองที่ขาดไม่ ได้ ลำพังคนที่ แก้มป่องเป็นธรรมชาติก็ถือเป็นโชคดีของเค้าไปค่ะ แต่สำหรับคนที่แก้ม ตอบ โหนกปูด กรามสองข้างทำมุมฉากซึ่งกันและกัน เราก็จะได้เห็นอาการพยายามอมลม ไว้ในปาก แล้วดันกระพุ้งแก้มให้ป่องออกมาจนกระทั่งดูน่าหยิกเล่น (อิชั้นเคยลองดู แล้ว รู้สึก เหมือนอมน้ำยาบ้วนปากแล้วลืมบ้วนทิ้ง) คนที่แอ๊บแบ๊วจนชำนาญก็จะขนาดแก้ม ที่ป่องกำลังดีดูน่ารัก แต่สำหรับแบ๊วมือใหม่หลายคนก็ พลาด กะไซส์แก้มผิดป่องเป็นปลาทองรักเร่ หรือไม่ ก็ชิพกับเดลล์ เพิ่งผ่าฟันคุด ก็ถือว่าต้องฝึกกันอีกเยอะ.. ได้ไม่ต้องกังวล เพราะถ้าแก้มยังทำให้คุณดูแบ๊วไม่สมใจละก็..ปาก ยังช่วยคุณได้ ค่ะ นอกจากนั้น ควรจะทาแก้มให้มันชมพูเข้าไว้ให้เห็นชัดๆไปเลย ว่าเรามันแบ๊วแล้วน่ะเฟ้ย
ปาก
ไม่ว่าตามปกติใครจะมีริมฝีปากไซส์อ้อมพิยดา หรือจอยรินลณี ปากของ สาวแอ๊บแบ๊วจะถูกกำหนดให้มีริมฝีปากบนบางๆ แล้วยกเชิดขึ้นจนเห็นฟันคู่หน้านิดๆ แบบอั้มพัชราภา/แตงโม/เมย์พิชนาฏ/ กิ๊บซ่า กิ๊บซี่ เกิร์ลลี่เบอรี่และดาราอีกเป็นสิบ คน ที่ถ่ายรูปลงหนังสือกี่เล่มๆก็ทำปากแบบเดิมได้ตลอด เวลา
ส่วนริม ฝีปากล่างขณะแอ๊บแบ๊วนั้นมีข้อบังคับว่า ห้ามเผยอออกมาจนห้อยย้อยแบบ โน๊ต เชิญยิ้ม เด็ดขาด แต่ต้องเกร็งไว้นิดๆเบะคางให้ดูคล้ายแอบงอนใครมาหน่อยนึง และทีเด็ดคือต้องยิงมุม ปากให้เบี้ยวไปข้างที่ถนัดข้างใดข้างหนึ่งพอประมาณหน้าแบ๊วที่ออกมาจะดูแก่น เซี้ยวแสนซน และทำให้แอบคิดไปเองได้ว่า "ตอนนี้เราหน้าเหมือนโฟร์แล้วล่ะตะเอง.." อย่าลืม รักษารูปปากไว้ตลอดเวลาที่พูดคุยด้วยนะคะ เสียงที่ออกมาจะได้อ้อม แอ้ม พูดไม่ชัด น่ารักน่าถีบ เอ๊ย! น่าจีบ ขึ้นอีกจมเลย
เสียง
เสียงเป็นอาการทางกายภาพข้อสุด ท้ายของโรคแอ๊บแบ๊ว เสียง มาตรฐานการแอ๊บแบ๊วคือเสียงเล็กๆ อู้อี้นิดๆ อ้อนหน่อยๆ คล้ายคนเป็นช่องเพดานในปากโหว่ ปากเบี้ยว หรือลิ้นไก่สั้น ประมาณ น้องเบเบ้ หรือจิ๊บ ปกฉัตร อะไรแถบๆนี้ ใครที่เคยสอบอ่านร้อยแก้วร้อยกรองแล้วได้คะแนนเต็ม มา อาจจะต้องไป ตัดปลายลิ้นตัวเองก่อน จึงจะออกเสียงแบ๊วๆแบบนี้ได้ น้ำเสียงที่นิยมแอ๊บแบ๊ว คือ level ตั้งแต่ 2 เป็นต้นไป ทำ อย่างไรก็ได้ให้ผิดอักขระวิธีให้มากที่สุด เช่น
ทำไมเหรอ+++++ จำไมเง๋อ
จริงเหรอ ออกเสียงเป็น จิ๊ง-ง๋ออออออ??
ใช่ไหม เป็น ชิเมะ? / ชิป้ะ? / ชิม้า? / ชิมิ?
ไม่เอา เป็น มิอาวววว
คือว่า,เอ่อ เป็น คึ่ บั่บ / คึ่แบ๊บ / เอิ่ม / อึ่มมม
บ้า เป็น บร๊า ........ (อย่าลืมกระดกเสียงขึ้นไป 2 octave)
อะไรน่ะ เป็น อึ่หล่ายอ้ะ? เป็น ต้น
ตัวอย่างประโยค
"ฮั้ยย! สัสดีแกร..มะด้ะเจ๊อกึนนันม๊ากกก กิ๊ดถึ่งซูดซู๊ดดด ปะกินค๊าวที้ซึ่หย่ามกึนเมะเด๋วพี๊..ชัยเราป้ะส่งแหละ"
แปลว่า "อ้าว สวัสดีแก ไม่ได้เจอกันนานมาก คิดถึงสุดๆ ไปกินข้าวที่สยามกันมั้ย เดี๋ยวพี่ชายเราไปส่งล่ะ"
"ตะเองเค้าหิวเค้าหิวเข้าจางลุยอ่า พาเคร้าปายกิงเข้าหน่อยจิ นะนะน้า... หยือแว่ตะเงงไมใอย่ากปายกิงเข้ากาบเคร้าแว้วซิมิ ก้อดุ้ยปายโครนเดวก้ออดุย บะบุย"
อันนี้แปลเอาเองแล้วกัน
แอ๊บอื่นๆ
แอ๊บบ้า - พวกที่ชอบทำหน้า บ้าๆ บอ ปกปิดความทุกข์ใจ บังเอิญเหมือนวงดนตรีดัง ยุค 70 (ABBA)
แอ๊บจิต - พวกที่ผิดปกติไปในทางจิต ชอบทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยกับเพศเดียวกัน
แอ๊บเปิ้ล - พวกที่ทำหน้าตาเหมือน (เลียนแบบ) สินค้าของแมคอินทอช เช่น ไอพอกจีนแดง
แอ๊บโฟร่ - พวกที่ชอบทำหัวฟูๆ
แอ๊บฟริกา - พวกที่ชอบทำหน้าดำๆ ทำตัวดำๆ เช่น ชาวซูดาน ชาวอูกันดา ชาวไนจีเรีย
แอ๊บแม้ว - พวกที่ชอบทำหน้าแม้วๆ หรือ เหลี่ยมๆ เช่น หม่ำ จ๊กมก
แอ๊บโด้ - พวกที่ชอบทำหน้าเหมือนโรนัลโด้
แอ๊บครก - พวกที่ชอบทำตัวเป็นสากกะเบือ หรือ ครก นิยมใช้เรียกนักเตะกองหน้าที่ไม่ค่อยยิงประตูให้ทีม เรียกอรกอย่างว่า ทื่อ ด้าน กระบือ
แอ๊บเข้ - พวกที่ชอบทำตัวเป็นตะเข้ ให้สาวๆ มาล่อ อีกทางคือพวกที่ชอบดนตรีไทย
แอ๊บหมู - ชื่ออาหารที่ขึ้นชื่อมากทางภาคเหนือ (หมูสับห่อใบตองปิ้ง) ซึ่งไม่ใช่อาหารที่ใช้กินคู่กับน้ำพริกหนุ่ม แม้จะออกเสียงคล้ายกันก้อตาม
แอ๊บเป็ด - พวกที่ชอบทำหน้าเหมือนเป็ด เช่น ครูเป็ด เชิญยิ้ม หรืออาจใช้เรียกไก่บางตัวที่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นเป็ด
แอ๊บไก่ - พวกที่ชอบทำหน้าดหมือนไก่ ชอบทำตัวตื่นเช้า และมีอารทณ์ขัน มีสุข หรือ อาจใช้เรียกเป็ดบางตัวที่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นไก่
แอ๊บแม่ - พวกที่ชอบทำตัวเป็นแม่ ทั้งที่ยังไม่มีลูด เช่น น้องแนน อมิตตดา
แอ๊บแก่ - เป็นอาการที่หลายคนอาจถามว่ามีด้วยหรือ แต่มันมีจริงๆ เป็นอาการที่พวกที่หน้าเด็ก ถูกว่าๆแอ๊บแบ๊วทั้งๆที่แบ๊วจริง จึงทำตัวให้ดูแก่ขึ้น
แอ๊บเมา - อาการที่บุคคลในวงเหล้าเป็น คือกินไปนิดเดียว แต่แสร้งทำเป็นเมา ในกรณีนี้มักจะเกิดกับผู้ชายประเภทไม้ป่าเดียวกันหรือเกย์ หรือว่าอีแอบ เนื่องมาจากว่า พอเวลาไปกินเลี้ยงกับเพื่อนๆ ผู้ชายด้วยกัน แล้วทำเป็นแกล้งเมาเพื่อที่จะได้ให้ผู้ชายมาช่วยดูแล ประคองเดิน พากลับถึงบ้านหรือที่พัก
แอ๊บแมน - จะมีลักษณะที่ผู้หญิงชอบทุกอย่าง ดูแล้วเป็นสุภาพบุรุษมาก แต่หารู้ไม่ว่า พวกเค้าเกลียดพวกชะนีมาก ว้ายยยยยย....!!
แอ๊บเบนโล - จะมีลักษณะ เป็นคนผิวพันธุ์เอิบอิ่มสมบูรณ์ผิดปรกติ ตลอดระยะเวลาประมาณ 9 เดือน
เรื่องน่ารู้ไปทำไม
เดิมคำว่า แอ๊บแบ๊ว ไม่ได้ออกเสียงว่าแอ๊บแบ๊ว แต่ออกเสียงว่า แอบแบ๊ว แต่เพราะพูดอย่างแอ๊บแบ๊ว เสียงเลยเพี้ยนเป็นแอ๊บแบ๊ว
ดังนั้นคำว่า แอ๊บแบ๊ว จึงน่าจะมาจากคำว่า แอบ + บ้องแบ๊ว มากกว่า แอ๊บนอมอล + บ้องแบ๊ว
บ้องแบ๊ว แปลว่า พิลึก ไม่ได้แปลว่าน่ารัก
ดังนั้นเมื่อท่านเข้าสู่กระบวนการนี้แล้ว จึงควรกระทำอย่างมีจรรยาบรรณ พอเพียง และจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมด้วยคะ ^^