ขจัดขี้ฟันให้ถูกวิธี
มีสิ่งน่าสนใจเกี่ยวกับการทำความสะอาดภายในช่องปากที่คุณอาจมองข้ามไปหลายๆ อย่าง ส่วนใหญ่แล้วการขจัดคราบอาหารในช่องปาก เราจะเข้าใจว่าแค่แปรงฟันก็พอ โดยข้อเท็จจริงแล้ว ฟันและเหงือกเป็นอวัยวะที่กักเก็บเศษอาหารที่ต้องมีอุปกรณ์และวิธีการทำความสะอาดอย่างที่พิถีพิถันพอสมควร เลยครับ มาดูกันว่าอะไรควรหรือไม่ควรฏิบัติกันเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีตลอดไป
Do’s
- เลือกแปรงที่ขนนิ่มไม่แข็งเกินไป
- แปรงหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง
- แปรงให้ถูกวิธี ฟันบนปัดลงล่าง ฟันล่างปัดขึ้นบน แปรงทุกด้านของฟัน ด้านบดเคี้ยว ด้านนอก ด้านใน
- ใช้ไหมขัดฟันขจัดเศษอาหาร ตามซอกฟันและใต้เหงือก
- การใช้ Dental floss (ไหมขัดฟัน) ให้ใช้ทุกครั้งหลังจากรับประทานอาหาร ทำทุกซีก
- ท่านที่มีฟันห่างมาก ใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น อาจจะต้องใช้แปรงซอกฟันทำความสะอาดด้านข้างของฟัน และใต้ฐานฟันปลอม
- ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสม fluoride
- อมน้ำยาบ้วนปากหลังการแปรงฟันทุกครั้ง
การขจัดคราบอาหาร(ขี้ฟัน) ออกให้หมดเกลี้ยงจะช่วยลดฟันผุ และเหงือกอักเสบได้อย่างตรงจุดที่สุด รู้อย่างนี้ก็อย่าปล่อยให้คราบอาหารค้างอยู่ในปากนานๆ ต้องพิถีพิถันขจัดออกเสีย สุขภาพเหงือกและฟันจะดีตลอดไป
Don’ts
มีอะไรบ้างที่ต้องระมัดระวัง เพราะถ้าทำผิดเข้าใจไม่ถูกต้อง แทนที่จะขจัดคราบอาหารได้เกลี้ยง กลับมีผลข้างเคียงต่อเหงือกและฟันอีก
- ไม่ใช้แปรงขนแข็งมาก (เพราะจะทำให้ฟันสึกได้ง่าย)
- เลือกแปรงด้ามตรงไม่โค้งงอ เพราะแปรงเหล่านี้ จะแปรงทำความสะอาดได้ดี เฉพาะบางตำแหน่ง
- อย่าแปรงฟันแบบตามใจฉันที่ถนัด คือ แปรงขึ้นลงแรงๆ วิธีแบบนี้ จะทำให้เหงือกร่นง่าย เพราะหลักการที่ถูกต้อง ฟันบนให้ปัดลงล่าง ฟันล่างให้ปัดขึ้นบน แต่ถ้าแปรงขึ้นลงเร็วๆ ฟันบนจะถูกแปรงกระแทกเหงือกให้ขึ้นไป ฟันล่างก็ถูกแปรงกระแทกให้เหงือกถอยลงล่าง จนเกิดอาการ เหงือกร่นเป็นสิ่งที่แก้ไขให้กลับมาเหมือนเดิมยาก และทำให้มีอาการเสียวฟัน เวลาแปรงด้านข้าง ก็จะถูเข้าออกแรงๆ เหมือนเลื่อย แบบนี้ก็ทำให้คอฟันสึกเหมือนการโค่นต้นไม้ รอยสึกจะทำให้มีอาการเสียวฟัน ถ้าสึกเข้าไปลึกมาก อาจต้องรักษารากฟัน
- อย่าใช้ไม้จิ้มฟันทำความสะอาดด้านซอกฟัน เพราะไม้จิ้มฟันมีผลต่อเหงือก ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันมากขึ้น ให้ใช้ dental floss แทน
- น้ำยาบ้วนปากช่วยทำความสะอาดช่องปาก โดยการลดจำนวนแบคทีเรียชั่วขณะ ดังนั้นยังต้องแปรงฟันให้สะอาดด้วยครับ
ที่มาข้อมูล :นิตยสาร Health Today
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!