คำถามที่ไม่ควรถามแฟน
1. คุณนอนกับคนอื่นมากี่คนแล้ว?
**ถามน่ะถามได้ แต่เค้าจะตอบความจริงเรอะ เพราะมีแนวโน้มถ่วงสูงน่ะสิว่าเค้าจะบอกความจริงไปทำไม เผื่อไม่ได้นับไว้ไง หรือไม่งั้นก็นับไม่ถ้วน จะให้บอกแบบไหนล่ะ? แต่โถ โถ นี่พูดเล่นนะ ซึ่งแหงล่ะว่าเจ้าความพิศวงนี้ คนที่มีแฟนแล้วย่อมอยากรู้ กันทั้งนั้น แต่ไม่ควรอ้าปากถาม เพราะเหตุผลแรกเลยก็คือประวัติที่ผ่านมาของเค้าจะดี-เลวยังไง? ไปสร้างความชอกช้ำ หรือถูกใครทำให้เจ็บช้ำยับเยินขนาดไหน? ก็เป็นอดีตไปแล้ว อย่าไปขุดคุ้ยเรื่องแสลงใจ (เอ๊ะหรือว่าภูมิใจกันหว่า) ขึ้นมาอีกเลย
อีกอย่าง เรื่องนี้ก็ไม่ใช่กงการหรือธุระอะไร ของคุณซะหน่อย เผลอๆ ฟังแล้วจะเฮิร์ต (ไม่มีความสุข) เอาซะด้วย มีนะบางคนพอรู้แล้วก็อดไม่ได้ ที่จะเก็บเอาไปคิดเล็กคิดน้อย เฮ้อ...ทรมานตัวเองแล้วจะรู้ไปทำมั้ย ไว้รอให้เค้าอยากบอก ค่อยออกเทป เอ้ย สารภาพเองละกัน แต่ถ้าเลือกได้ ไม่มีใครอยากบอกความจริงร้อก อย่างสมมติว่าถ้าผู้ชายถูกถาม แล้วความจริงเค้าไม่เคยผ่านสนามรักมาเลย หรือผ่านสังเวียนเมกเลิฟก็แค่คนหรือสองคน ขืนตอบงี้ไปสิ อาจถูกฝ่ายหญิงโห่เอาก็ได้ว่าอ่อนหัดเรื่องบนเตียง ตรงข้ามถ้าลองสาวบอกว่าผ่านมา 5 คนสิ แฟนหนุ่มจะคิดในใจว่า ยายนี่ไม่รักนวลสงวนตัวเอาซะเลย เป็นงี้ แล้วจะพูดไปก็กระไรอยู่
ดังนั้น ผู้ชายก็จะอัพตัวเลขบอกให้เยอะเข้าไว้ ส่วนหญิงกลับลดตัวเลขลงมาให้ ต่ำที่สุด เห็นมะว่ามีเปอร์เซ็นต์น้อยมากที่จะรู้ความจริง แล้วจะดันทุรังอีกรึ
2. ทำไมคุณไม่ไปออกกำลังกายบ้างล่ะ?
ถามงี้ก็เหมือนเหน็บคนฟังว่าหุ่นของเค้าชักจะเผละบานเบอะเข้าไปทุกทีแล้วนะ จึงควรไปออก กำลังวังชาเพื่อลดหุ่นให้สลิมสเลนเดอร์ได้แล้ว ก่อนที่เรือนร่างจะจ้ำม่ำมากไปกว่านี้ ทั้งที่ใจจริงคุณอาจแค่อยากหาเรื่องมาคุยหนุงหนิงด้วย หรืออยากให้เค้ามีสุขภาพดี ไร้ไขมันสะสมก็เหอะ ถ้าอยากเสนอให้เค้าไปออกกำลังกายเข้าฟิตเนสจริง ใครเค้าถามกันอย่างนี้ ล่ะ ควรใช้วิธีออดอ้อน แต่ไม่ต้องถึงกับคะยั้นคะยอ ชวนเค้าว่า เราไปฟิตเนสกันนะ ยังฟังนุ่มนวลซะกว่าว่ามะ
3. สำหรับผู้ที่มีแผนเจ้าเล่ห์อยากออกไปเดินเล่นสวิงสวายกับคนอื่น จึงใช้วิธีถามแฟน ในวันที่ชัวร์ ว่าแฟนไม่ว่างแน่ๆ แต่ก็ยังถามมาได้ ว่า “วันนี้คุณว่างไหม ผม อยากให้ไปธุระด้วยกัน?”
พอฝ่ายหญิงยืนยันว่า ไปด้วยไม่ได้ ก็เข้าทางเค้าเป๊ะ เพราะอยากแวบไปบริหารเสน่ห์กับคนอื่นอยู่แล้ว แต่จะแอบควงคนอื่นเลย ก็เกรงถูกจับได้ จึงแกล้งกลบเกลื่อนไปงั้น โธ่....แค่นี้แฟนที่ไหนจะไปเอะใจยะ ก็ลองสงสัยว่าแล้วเค้าจะไปกะใครสิ ฝ่ายที่เปรี้ยวปากอยากไปงาบคนอื่นจะได้สวนกลับว่า “อ๋อ ผมชวนผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อของธนาคารที่เราไปขอกู้เงินปลูกเรือนหอไปด้วยไง แหม ที่ผมทำงี้ก็เพื่อให้เราได้ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำๆไว้ คุณก็รู้นี่ว่าถึงไงผมก็ไม่เห็นผู้หญิงสูงวัยแถมร่างท้วมคนนั้นดีกว่าคุณแน่นอน เพื่อเงินกู้นะ อย่าคิดมาก” อุ้ย อ้างแค่เนี้ย แฟนสาวก็ลิ้นจุกปากพูดไม่ออกแล้ว นี่แน่เห็นฤทธิ์ พ่อปลาไหลรึยัง
4. เมน (ประจำเดือน) มารึไง?
อื้อหือหากสาวใดเจอแฟนหนุ่มถามหยั่งงี้ แสดงว่า เค้าอยากเหน็บแนมแกมประชดฝ่ายหญิงอ่ะดิ่ว่า มาอารมณ์เสียใส่ผมทำไมเนี่ยะ หรือถ้าแฟนหนุ่มรู้สึกว่า ทำไมวันนี้เธอถึงอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดี เดี๋ยว ร้าย เดี๋ยวก็ส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ แต่พอหันไปดูอีกที เฮ้ยไหงกลายเป็นพอเราทำอะไรลงไปก็ขวางหู ขวางตาหล่อนแล้วฟะ...แหม เกิดเป็นหญิงทั้งที ต้องมีอาการทางประสาทขึ้นๆ ลงๆ มั่ง
แต่รู้น่าว่า ถามเนี่ยะไม่ได้หวังคำตอบจริงหรอก แต่ อยาก “กัด” มากกว่า ใช่ม้า หากรักกันจริง ถ้ารู้ว่าฝ่ายนึงกำลังหงุดหงิดก็อย่าไปต่อความยาวสาวความยืดก็สิ้นเรื่อง
5. ถึงไม่อยากให้เค้าขอแต่งงานวันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่อยากถามว่า “เค้าคิดว่าเราจะมีวันได้ แต่งงานกันมั้ย?” ถามเร็วไปเปล่า
เพราะหนุ่มบางคนยังไม่อยากถูกจองเป็นเจ้า ของน่ะเซ่ แถมการต้องขึ้นอยู่กับใครสักคนไปจนชั่วชีวิตนับจากนี้ มันก็เป็นอนาคตที่ไกลเกินกว่าที่จะพูดถึงเรื่องแต่งงงแต่งงานถ้ายังคบกันได้ไม่เกิน 3 เดือนหรือ 6 เดือนว่ามะ แม้สาวคนนั้นน่าหลงใหลแถมเปี่ยมไปด้วยความเซ็กซี่จนน่า “วางดาวน์” จองไว้ก่อนก็เถอะ ถ้าเค้าไม่แน่ใจซะอย่าง ถามไปก็ไลฟ์บอย ว่า ตามตรงคนเราไม่ได้หวั่นเรื่องลงหลักปักฐานกับใครเชื่อดิ่ แต่กลัวว่าจะเลือกคนผิดมาวิวาห์ ด้วยต่างหาก
และถ้าอยากรู้ให้ได้ว่า เค้าจริงจังกับหนูรึเปล่า? สังเกตคำพูดคำจาของเค้าละกัน ว่าเคยเปรยๆ เกี่ยวกับ “อนาคต” บ้างไหม? หากเค้าคุยให้ฟังว่ามีแผน การอะไรบ้างในช่วง 2 หรือ 3 ปีข้างหน้า ก็แสดงว่า ภาพอนาคตที่เค้าวาดไว้น่ะ เค้าอยากมีคุณอยู่เคียงข้างด้วยน่ะสิ รู้ไว้เถอะ