นอกคัมภีร์ เหนือตำรา
ดังนั้นการปฏิบัตินี้จึงจะต้องให้ปัญญาเกิด ให้รู้จักด้วยปัญญา อยู่
ด้วยปัญญา...ฟังด้วยปัญญา...ดูด้วยปัญญา...การกระทำทุกอย่าง
ทำด้วยปัญญาทั้งนั้น....การรู้ธรรมะ การปฏิบัติธรรมะ ไม่ใช่ว่ามันมี
อะไรมากมาย มันมีแค่ 2 อย่างนี้...มีกายหนึ่ง มีจิตหนึ่ง...
มีสองประการนี้เท่านั้น ไม่ต้องเรียนรู้มากมายอะไร มีกายกับจิต...
เท่านี้พอ เห็นอะไรทุกอย่่างก็น้อมเข้ามาเป็นโอปนยิกธรรม(น้อมเข้า
มาใส่ตัว) ให้เห็นเฉพาะกายกับจิตของเจ้าของนี้....อันนี้อาตมาเห็น
เฉพาะกับตัวเอง ในสมัยหนึ่งเข้าไปอยู่ในป่า...สงบ แต่เมื่อออกมาแล้ว
มาอยู่ที่บ้านคนเขามาเล่นดนตรีกันอยู่ ไม่สงบรำคาญ ทำไมถึงรำคาญ
อย่างนั้น ก็เพราะว่าเสียงดนตรีมากวนเรา มีความเห็นผิดอย่างนี้....
อยู่ไปก็ไม่สบายใจเพราะเข้าใจว่าเสียงดนตรีมากวนเรา อยู่ไปหลายวัน
มันทุกข์มันเกิดขึ้นมาไม่หยุด ไม่หนีจากที่นั้น เลยเปลี่ยนความรู้สึกว่า
เรานี้มันผิดหรือถูกนี่ คิดใหม่...พิจารณาใหม่...เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า..
อันนี้ไม่ใช่เขามากวนเรานี่นะ ดูไปแล้วเราไปกวนเขา...เนี่ยะ มันหลงขนาด
นี้นะ เราไปกวนเขาก็เข้าใจว่าเขามากวนเรา มันผิดแท้ๆอย่างนี้ ก็เป็นเหตุ
ให้เราไม่สบาย....'อันนี้เป็นธรรมะนอกคัมภีร์ เป็นตำรานอกคัมภีร์เหมือน
กัน'...ถ้าเราไปอ่านในคัมภีร์ คงจะไม่รู้เนอะ...ไม่รู้ว่าอันนี้มันเป็นยังไงกัน
อันนี้ไปนั่งอยู่ในป่า เอากายไปนั่งทำจิตให้สงบ ปัญญามันเกิดขึ้นมา อันนี้
เราเรียกว่า...มันดูในจิตเจ้าของ เกิดความรู้สึกขึ้นในใจเจ้าของอย่างนี้...
มันก็ตัดปัญหานั้นได้ นั่นแหละ...!! อาตมามาเห็นเพื่อนปฏิบัติในป่าจึงอยาก
จะฝากไว้ อย่าเพิ่งลืมตัวนะ อย่าเพิ่งลืม เคยพลาดมาแล้ว พลาดมานึกว่า
ไม่มีอะไรนะ...ไม่มีอะไร เหมือนอย่างหนึ่งก็คือ..ไม้สองอัน...ไม้อันหนึ่งมัน
ยาวสักฟุตหนึ่ง อย่างนี้เป็นต้น...เรามีไม้อันเดียว เราจะถามว่ามันสั้นหรือ
มันยาวไม่ได้ เพราะไม่มีเครื่องวัด...ถ้าเอาไม้อันหนึ่งสองฟุตไปวัด ก็จะรู้ว่า
มันสั้น ถ้าเอาไม้อันหนึ่งมาวัดใหม่ สักครึ่งฟุตมาวัด...จะเห็นว่าไม้ที่เขาถือ
อยู่มันยาว....อันนี้ธรรมะนี้ก็เหมือนกันฉันนั้น...'เมื่อมีเหตุมากระทบ มันจึง
ฟุ้งขึ้นมา'....ฯ
~ธรรมเทศนา...พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท)~
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์